Edit title Here

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
นักคิดร้อยคำ นักธรรมร้อยใจ
วันนี้มีอะไรใหม่ ๆ เสมอในชีวิต
อย่างน้อยก็มีความรักของพระเจ้า
เป็นความรัก...ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
และอยู่กับเราเสมอ...แม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจก็ตาม
Enter
BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

พระวาจาน่าคิด...ของขวัญจากโหราจารย์



ผ่านคริตส์มาสแล้วนานแล้ว จนเข้าเทศกาลธรรมดา แต่ลืมไปว่า 
อยากเสนอเรื่องราวดีดี ในระหว่างเทศกาลคริสต์มาส 
ในคืนที่เราฉลองคริสต์มาสกัน เด็ก ๆ จะตื่นเต้นกับของขวัญที่จะได้รับ 
และจะเฝ้ารอของขวัญจากซานต้าคลอส แม้ว่าซานต้าคลอสจะมีจริงรึไม่ 
แต่เด็กก็มีธรรมเนียมแขวนถุงเท้า ให้ซานต้าทิ้งของขวัญไว้ให้...


เมื่อผ่านคริสต์มาสแล้ว 
ก็มีการฉลองพระคริสตเจ้าแสดงองค์ 
ในภาษาอังกฤษคือ Epiphany ทีนี้ก็ถึงคิวของแม่มดบ้าง 
แม่มดจะออกโรงไปแจกของขวัญทำนองเดียวกับซานต้าคลอส เด็ก ๆ 
จึงมีโอกาสมีความสุขถึงสองครั้ง ที่อิตาลีเรียกซานต้าคลอสว่า Babbo di Natale 
และให้ฉายาแม่มดว่า Mamma di Natale 
ซึ่ง Bobbo แปลว่า พ่อ และ Mamma แปลว่าแม่
โอกาสนี้จึงอยากให้ข้อคิดเล็กน้อยเกี่ยวกับการฉลองพระคริสต์เจ้าแสดงองค์
ความดีงามแม้จะซ่อนอยู่ที่มุมใดของโลกก็ตาม ย่อมควรค่าแก่ยกย่องสรรเสริญ “ความดี”ไม่ว่าจะในตัวผู้ใด ย่อมทำให้ผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็น“คนดี” ทองคำแท้แม้จะฝังอยู่ลึกแค่ไหนจากผิวโลก ก็ย่อมมีคนอยากขุดค้นขึ้นมาและชื่นชมกับความงามอร่ามชวนหลงใหลของมัน
ย้อนกลับไปเมื่อสมัยพระเยซูเจ้าทรงประสูติ บรรดาโหราจารย์จากทิศตะวันออก เดินทางมุ่งสู่เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งชื่อ เบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ พวกเขาเดินทางมาพร้อมกับของขวัญสามชิ้น ได้แก่ ทองคำ กำยาน และมดยอบ ซึ่งเป็นของมีค่าและเครื่องหอมจากประเทศอาราเบีย บรรดาโหราจารย์ตั้งใจแสวงหาพระกุมารน้อยที่บังเกิดมา เพื่อนมัสการและถวายของขวัญแด่พระองค์ ดวงดาวได้นำพวกเขามาพบพระกุมารที่ถ้ำเลี้ยงสัตว์ ท่ามกลางความเหน็บหนาวและกลิ่นคาวสัตว์พวกเขาได้เข้าเฝ้าและนมัสการพระกุมารน้อยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
บรรดาปิตาจารย์และนักปราชญ์ของพระศาสนจักรเข้าใจว่า ทองคำ เป็นสัญลักษณ์หมายถึงการเป็นกษัตริย์ กำยาน หมายถึงการเป็นพระเจ้า และ มดยอบ หมายถึงการรับทรมานของพระเยซูเจ้า
ในชีวิตของเรา เราต้องถวายสิ่งมีค่าที่สุดแต่พระเจ้า อันที่จริง เราไม่มีอะไรเลยแม้สักชิ้นเดียวที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา แม้แต่ชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ ของเราก็ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้เราเป็นของขวัญต่างหาก ดังนั้น เราควรรักษาไว้เพื่อมอบกลับคืนให้พระองค์ แต่ก่อนที่จะถวายแด่พระองค์ เราควรประดับประดาชีวิตของเราด้วยของมีค่าฝ่ายจิตใจเสียก่อน เพื่อให้สมพระเกียรติมงคลของพระองค์ เราไม่ควรถวายชีวิตที่ซอมซ่อเปรอะเปื้อนด้วยสิ่งไม่ดีไม่งามต่างๆ แต่เราต้องถวายสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพระองค์
การประสูติในถ้ำเลี้ยงสัตว์ของพระเยซูเจ้า ยังให้บทเรียนแก่เราเรื่องความสุภาพถ่อมตน แม้พระองค์เป็นพระเจ้าและเป็นกษัตริย์ แต่พระองค์มีพระประสงค์ประสูติมาอย่างเงียบๆ และเรียบง่าย
เกียรติยศและชื่อเสียงที่เราสมควรจะได้รับในโลกใบนี้ ควรเป็นคนอื่นที่หยิบยื่นให้เราด้วยแรงศรัทธา หาใช่เราจะแสวงหาสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเอง เพราะยิ่งเรายกตนขึ้นสูงสักเท่าไร เราก็ยิ่งจะถูกคนอื่นเหยียดหยามมากเท่านั้น พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดในมุมเล็ก ๆ ที่ที่ไร้เกียรติและศักดิ์ศรีทางโลก ด้วยว่าพระองค์ทรงความดี จึงได้รับเกียรติจากคนอื่น ไม่ว่าจะห่างไกลสักเพียงใด เกียรตินั้นก็ย่อมเดินทางมาถึงในที่สุด
หากมองให้ลึกกว่านั้น จะเห็นว่า เกียรติ ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นสิ่งอนิจจัง ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แห้งหายไปยิ่งกว่าเทน้ำลงบทพื้นทรายเสียอีก มันมิใช่สิ่งใดที่เราจะพกติดตัวไปสู่ชีวิตนิรันดร์ได้ เราจะหวังอะไรกับคำยกย่องสรรเสริญของคนในโลกนี้เล่า ในเมื่อเราเองก็ยังลืมว่าเราได้ชมใครไว้บ้าง คนอื่นคงก็ลืมเช่นเดียวกัน ชีวิตของพระเยซูเจ้า บางครั้งก็ได้รับเกียรติยศชื่อเสียงจากประชาชน บางครั้งก็ถูกดูถูกเหยียดหยามจนไม่เหลือแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ แม้แต่ความดีที่พระองค์ทรงกระทำไว้มากมาย พวกเขายังลืมจนหมดสิ้น เหลือเพียงความเป็นนักโทษบนไม้กางเขน ที่ดูเหมือนจะไม่เหลือสภาพความเป็นมนุษย์อยู่เลย
เราเองก็เช่นเดียวกัน อย่าลืมว่าเราต้องถวายเกียรติแด่พระองค์ทุกวัน หากวันใดเราได้ทำสิ่งที่เป็นการลบหลู่พระเกรียติมงคลของพระองค์แล้ว ขอให้เรากลับใจ ขอโทษต่อพระองค์ ขอให้พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์บนไม้กางเขนแห่งความรอดของเราเสมอ อย่าให้พระองค์ต้องเป็นโจรผู้น่ารังเกียจ เพราะถูกทำร้ายจากความบาปของเราอีกเลย...

-->
เนื้อหาและรูปภาพในบล็อกนี้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่ถ้าจะนำไปใช้ในการอื่น ขอให้แจ้งเจ้าของบล็อกนิดนึงนะครับ
สงวนลิกขสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ครับ...