Edit title Here

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
นักคิดร้อยคำ นักธรรมร้อยใจ
วันนี้มีอะไรใหม่ ๆ เสมอในชีวิต
อย่างน้อยก็มีความรักของพระเจ้า
เป็นความรัก...ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
และอยู่กับเราเสมอ...แม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจก็ตาม
Enter
BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

Caravalle a Roma 2011

วันนี้ไม่พูดอะไรมาก...เอารูปวันปิดสัปดาห์แห่คาราวานของกรุงโรมมาฝาก...
หวังว่าคงจะถูกใจหลายคน...






























วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความรักมันใหญ่มากกกกกก

หนึ่งชั่วชีวิตนี้...แค่ได้รำพึงถึงความรักของพระเจ้า...เท่านั้นก็คุ้มค่ากับค่าจ้างของลมหายใจ

ตั้งแต่เกิดมา...ก็มีคนบอกเสมอว่า...ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่...
แต่น้อยคนนักที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ว่า... “ความรัก” นั้น ยิ่งใหญ่อย่างไร
และเกี่ยวข้องอะไรกับมนุษย์....
มันจะใหญ่มากกกกกกก เหมือนกับในภาพยนตร์หรือเปล่า
ความรักของพระเจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่
ไหนใคร ๆ บอกว่าความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่...แต่ไม่เห็นมีวี่แววว่าเราจะได้รับ
ไม่เห็นพระองค์หยิบยื่นอะไรให้เลย...วอนขอก็แล้ว ภาวนาก็แล้ว
มีแต่ความเงียบงัน...เคล้าปนความงุนงง
ไม่เห็นพระองค์จะใส่ใจกับคำถามที่เราถามไปเลย
ทำไมพระองค์ไม่ยอมตอบเรา....
ทั้งหลายทั้งมวล...คือ...ความสงสัยของผู้ภาวนาวอนขอที่ต้องการคำตอบแบบทันทีทันใดจากพระเจ้า...
ความรักของพระเจ้า...นะครับ..ไม่ใช่ยาทัมใจ...ที่ปวดหัวเมื่อไหร่ ก็วิ่งไปซื้อมากิน
ฉีกซอง..กินง่าย...หายเร็ว...

หวังว่าหลายคนคงเคยไปยืนอยู่บนยอดเขา
ยอดเขาที่มีเมฆลอยผ่าน...
ขณะที่เรายืนอยู่ภายในกลุ่มเมฆก้อนใหญ่นั้น...
เราไม่รู้หรอกว่า เมฆก้อนนั้นมีรูปทรงอย่างไร ก้อนใหญ่ขนาดไหน
จะเป็นทรงกลม ทรงพุ่ม หรือทรงอะไรก็ตามแต่
และเราบางทีเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สิ่งที่ปกคลุมเราอยู่นั้น มันคือก้อนเมฆ
รู้เพียงแต่มันเป็นไอเย็น ๆ และบางคนคิดว่ามันเป็นหมอกด้วยซ้ำ

แฮ่ม....หลายคนคงคิดว่าผมจะเปรียบความรักของพระเจ้าเป็นเหมือนก้อนเมฆสินะ
ก็ใช่ครับ...แต่ว่าไม่ใช่ตัวเมฆที่ลอยปะหน้าของเรา
แต่เป็นรูปทรงของเมฆต่างหาก
เวลาคนเรามีปัญหา สับสน วุ่นวาย ก็มักจะมองไม่เห็นทางออก
มองไม่เห็นความรักของพระเจ้า..
จะมองเห็นได้งัย...ก็ปัญหามันปกคลุมชีวิตเราอยู่
ปัญหาทำให้วิสัยทัศน์ของเรามือบอด....
ยิ่งต้องการมองเห็นความรักของพระเจ้าด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้

ก่อนอื่นเราต้องเดินออกจากปัญหา...
เหมือนกับการเดินออกจากก้อนเมฆ...ไม่ต้องเดินไปไกลก็ได้นะ..เดี๋ยวจะเหนื่อยซะก่อน
เดินออกไปเพื่อจะได้มองจากภายนอก มองมายังปัญหาหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มองในมุมมองของบุคคลอื่น บุคคลที่ไม่ใช่ตัวเรา
เวลานั้นเราจึงจะรู้ว่าเมฆก้อนนั้นมันมีรูปทรงอย่างไร....
และเราจะรู้ว่าพระองค์ต้องการบอกอะไรกับ ผ่านทางก้อนเมฆนั้น

นั่นแหละครับ...ความรักของพระเจ้า....คือรูปทรงของก้อนเมฆ..
เมฆแต่ละก้อน....ของแต่ละคน...แตกต่างกันไป
แต่ความรักของพระเจ้าอยู่กับเราเสมอในทุกเหตุการณ์ของชีวิต....
เรามาเริ่มสังเกตก้อนเมฆของชีวิตกัน...ว่ามีรูปทรงอย่างไร..
ใครที่เห็นก้อนเมฆเป็นตัวเลข...ก็อย่าได้คิดว่าความรักของพระเจ้าจะลอยมาใบ้หวยให้นะครับ...
ให้คิดเพียงแต่ว่า...
ความรักของพระเจ้ามีอยู่...
อยู่ไม่ไกลจากเรา...
และเราเองต้องเป็นคนมอง...จึงจะพบ...
แค่นี้ครับ...ต้องการบอก....

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

ขอให้ชีวิต มีพระองค์

วันพุธนี้ได้เวลาดี เริ่มเข้าเทศกาลมหาพรต
อยากให้เพื่อน ๆ เริ่มต้นให้ดีดี...
ไม่ต้องเริ่มต้นที่ดินดีก็ได้...แต่ให้เริ่มดีที่หัวใจ...
และทำให้เทศกาลมีความหมายกับชีวิตคริสตชนของเรา
วันนี้ก็เอาบทความเรื่อยเปื่อยอีกบทหนึ่งมาฝาก..และไม่ลืมที่จะวาดการ์ตูนตัวน้อย ๆ มาให้ได้ชมกันดว้ย...
ภาพอาจไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องนะครับ..เพราะไม่ค่อยมีเวลาวาดสักเท่าไหร่..
เอาเท่าที่มี...ดีเท่าที่เป็น..มาฝากก่อนละกัน..


เช้าวันหนึ่ง ผมเปิดคอมฯเช็คเมล์ตามปกติ
พบข้อความจากน้องชาย ส่งมาให้ อ่านแล้วก็ขำดี
หลายคนคงเคยได้อ่านแล้ว....

ขอให้ชีวิต มี TOSHIBA จะได้ นำแต่สิ่งที่ดีสู่ชีวิต 
ขอให้ชีวิต มี Hell’s blue boy ชีวิตจะได้ หวานชื่นรื่นรมณ์  
ขอให้ชีวิต มี Coke ชีวิตจะได้ มีแต่ด้านดี ๆ 
ขอให้ชีวิต มี DTAC ชีวิตจะได้ FEEL GOOD 
ขอให้ชีวิต มี M-150 จะได้ ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย
ขอให้ชีวิต มี การบินไทย ชีวิตจะได้มีแต่ใคร ๆ รักคุณเท่าฟ้า
ขอให้ชีวิต มี 1-2-call ชีวิตจะได้มีแต่คำว่า Freedom
ขอให้ชีวิต มี Clorets ชิวิตจะได้มี เสน่ห์อยู่ที่ลมหายใจ

ขณะที่ผมอ่าน ผมก็ยิ้มไป คนเรานี่ก็สร้างสรรค์ดีนะ
สามารถเอาสโลแกนของโฆษณามาเรียงต่อกัน
แล้วทำให้คนอ่านมีความสุขได้
ทั้งที่สินค้าบางตัว กับคำโฆษณาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย...

พอผมอ่านจบ ก็คิดในใจว่า น่าจะดีกว่านี้ ถ้าชีวิตมีอย่างอื่นที่เหนือกว่า
(เพราะไม่แน่ใจว่า เป๊ปซี่ดีที่สุด จริงหรือเปล่า)

...ที่สุดก็คิดประมาณนี้ว่า
ขอให้ชีวิต มี พระจิตเจ้า จะได้มีครบทุกด้าน
ขอให้ชีวิต มี พระหรรษทาน จะได้มีพระพรสถิต
ขอให้ชีวิต มี ความศักดิ์สิทธิ์ จะได้พิชิตมาร
ขอให้ชีวิต มี ปรีชาญาณ จะได้มีครบคุณธรรม
ขอให้ชีวิต มี ความเชื่อนำ จะได้เข้มแข็งภายใน
ขอให้ชีวิต มี ความไว้ใจ จะได้ยึดพระองค์เป็นหลัก
ขอให้ชีวิต มี ความรัก จะได้แบ่งปัน
ขอให้ชีวิต มี พระองค์ทุกวัน จะได้รับใช้ด้วยใจยินดี

เป็นไงบ้างครับ พอจะสู้ชุดแรกได้ไหม
อันที่จริงผมก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนสักเท่าไหร่นัก
แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็พอจะกล้อมแกล้มไปได้
ที่จริงแล้ว ที่ผมพล่ามมาทั้งหมดนั้น
ผมขอสรุปเป็นกฎเหล็กสองข้อสั้น ๆ คือ
ข้อแรก อย่าลืมพระเจ้า
ข้อสอง อย่าลืมข้อแรก
(ขอหักมุมนิดนึงนะครับ... คงไม่เป็นไรนะ
เพราะชีวิตคนเรามีหลายมุม หักมันสักมุมขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอก)

ด้านดี ๆ ของชีวิตของคนเรา ถ้าหยิบยื่นให้กันง่าย ๆ เหมือนกับการส่งอีเมล์หากันก็คงดี
มีอะไรดี ๆ ก็ส่งต่อ ๆ กันไป
ส่งกันไป ส่งกันมา จนที่อยู่เมล์ยาวเป็นหางว่าว รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าใครส่งหาใครบ้าง
แล้วยิ่งเป็นอีเมล์ลูกโซ่นะ ยิ่งทำให้ผมรำคาญ
อีเมล์ประเภทนี้ชอบมีเงื่อนไขแปลก ๆ
เช่น ถ้าเราส่งต่อเท่านั้นเท่านี้ ภายในกี่วัน จะได้โน้นได้นี่
และถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขที่บอกไว้ จะเสียโน่นเสียนี่ (แต่ถ้าเสียหนี้ก็ดีนะ จะส่งมันทั้งวันเลย)
การได้รับคำแนะนำดี ๆ มันก็เป็นการเติมพลังใจในการดำเนินชีวิต
แต่เมื่อได้รับมาแล้ว อ่านแล้ว รู้แล้ว แค่นี้พอแล้วจริงหรือ
หรือคิดไปเองว่า...เดี๋ยวสิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ความดีของชีวิต....นะครับ ไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติ จะได้งอกเงยขึ้นมาเองได้

ก็รู้ครับ ว่าการทำความดีมันไม่ง่ายเหมือนการอ่านเมล์
เพราะมันต้องอาศัย “การออกแรง”
สิ่งดี ๆ ในชีวิตคนเราไม่ใช่เป็นเพียงมโนคติภายในองค์ความรู้เท่านั้น
แต่ต้องสัมพันธ์กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายด้วย
มือไม้ต้องขยัน ๆ ปากคัน ๆ ต้องควบคุม หัวใจที่กลัดกลุ้มต้องค่อย ๆ เพลา ๆ ลงบ้าง
และส่วนอื่น ๆ อีก ต้องขยับ ต้องกระฉับต้องกระเฉงกันหน่อย
เมื่อเราลงมือทำแล้ว จึงจะถือว่า เราได้นำความรู้ที่มีอยู่ มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างเต็มความสามารถ
แล้วชีวิตก็จะดีขึ้น และดีได้อีก...ถ้าใจอยาก..

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

พลังคำพูด

ภาษาไทย ของเรา ช่างดีนัก
มีเรื่องหัก มีเรื่องเห มีเฉไฉ
มีคำผวน มีสองแง่ มีสามนัย
กลับหน้าไป กลับหลังมา ก็ฮา...ดี



ผมเริ่มต้นด้วยบทกลอนกระป๋องกระแป๋งบทนี้ของผม
เพราะว่าภาษาไทยเรามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
อย่างเช่นคำว่า “อยู่ทน” กับคำว่า “ทนอยู่” แค่สลับคำ ความหมายก็เปลี่ยนไปแล้ว
อีกวลีหนึ่ง คือ “คนหน้าหมา” กับ “หมาหน้าคน” ฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆ
ถ้าวันหนึ่งเราจูงหมาไปเดินเล่น แล้วมีคนพูดกับหมาของเราว่า “หมาน่ารักเหมือนเจ้าของเลย”
เอ๊ะ...มันชมว่าหมาน่ารัก หรือมันทักว่าตรูหน้าหมา...งงงงงง
ก็ยอม ๆ กันไปละกัน ถือว่าเราน่ารักพอ
เอาวิทยายุทธเรื่องการคิดบวกเข้าช่วยก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
แต่ถ้าคิดกระบวนท่าไม่ทัน คนที่ทักก็อาจซวยไป

คำพูดของคน มีอิทธิพลต่อจิตใจจริง ๆ
และยิ่งเป็นคำพูดที่ส่อเสียด เหยียดหยาม ยิ่งทำร้ายจิตใจกัน
ใครที่โดนกับตัวเองแล้ว เป็นต้องมีเลือดขึ้นหน้าทุกที

แต่ถ้าเป็นคำพูดที่หนุนนำกำลังใจ
ก็ใช้ได้ผลเหมือนกัน คำพูดบางคำ พูดไปแล้วก็อาจเปลี่ยนชีวิตคนได้
เพราะมีคนเคยเปลี่ยนมาแล้วจริง ๆ ผมจึงกล้ายืนยัน

บางครั้งคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค
สามารถเปลี่ยนชีวิตของคนเราบางคนให้เจริญก้าวหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะในยามที่ท้อแท้สิ้นหวัง
….
หาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้
ย่อมรู้สึกเป็นทุกข์ยิ่งนัก

เปรียบเสมือนผู้พลัดหลงในทะเลทราย
พยายามแสวงหาน้ำดื่มเพื่อยังชีวิตให้รอดไม่ได้สักหยด
แต่แล้ว
….
เหมือนฟ้ามาโปรด
เมื่อฝนอันชุ่มชื่นได้โปรยปรายลงมาช่วยชีวิตได้ทันเวลา
(คติชีวิต เล่ม 2. วศิน อินทสระ)

เห็นไหมครับ คำพูดดีดี มีค่าเหมือนน้ำฝนกลางทะเลทรายเลยนะ
แต่ไม่จำเป็นต้องพูดมาก จนน้ำลายกระเด็นเป็นสายฝนนะครับ
อันนั้นมันคนละเรื่อง

วันนี้ลงทุนนั่งวาดรูปนายชุมพาบาลฉบับการ์ตูนมาฝาก...
การพาแกะไปเดินเล่น...ดีกว่าพาหมาไปเดินนะ
เพราะถ้าเกิดมีคนทักว่าแกะหน้ารักเหมือนเรา ก็ยังพอทำเนา..
เพราะลูกแกะมันน่ารัก...

แต่ถ้าหากมีคนทัก..ว่าหน้าหัก..เหมือนมัน...
อันนี้ก็ ซอยบ่ใด๋เด้อครับ....ต้องไปวุฒิ-ศักดิ์ หรือประตูน้ำ โพ้นแล๋ว

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

ริษยา

ครั้งหนึ่ง...มีคนถามท่าน ว. ว่า (ท่าน ว. หมายถึง ท่าน ว. วชิรเมธี ไม่ใช่ ท่าน ว. แถว ๆ บ้านนะ)
ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?
ท่านตอบว่า “โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา



โดนครับ...โดน...
โดนใครบ้างนี่...ถ้าไม่อยากโดน ก็ต้องตั้งใจทำงานให้ดี และไม่ริษยาคนอื่น






เนื้อหาและรูปภาพในบล็อกนี้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่ถ้าจะนำไปใช้ในการอื่น ขอให้แจ้งเจ้าของบล็อกนิดนึงนะครับ
สงวนลิกขสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ครับ...