Edit title Here

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
นักคิดร้อยคำ นักธรรมร้อยใจ
วันนี้มีอะไรใหม่ ๆ เสมอในชีวิต
อย่างน้อยก็มีความรักของพระเจ้า
เป็นความรัก...ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
และอยู่กับเราเสมอ...แม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจก็ตาม
Enter
BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สาธิตการวาดสีน้ำ...ฝูงนกนางนวลบนหาดทราย

สวัสดีชาวบล็อก...(ที่มีไม่กี่คนติดตาม...แต่ก็ดีใจที่ยังมีคนแวะมาเป็นประจำ)
ช่วงนี้เข้าเทศกาลการสอบของบรรดานักศึกษาชาวโรมภาคปกติ..
นั่นก็หมายความว่า "ความเครียด" ก็จะตามมา...
แต่ก็ยังมีเวลาวาดภาพ..มาฝากชาวบล็อก..
วันนี้เพิ่งสอบเสร็จไปสองวิชา(สอบพร้อมกันเลย)
อาจารย์คนเดียวกัน...
อาจารย์ใจดีมากมาย...ตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง..แต่ผลคะแนนก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ...
ขอบคุณทุกกำลังใจละกัน..ยังเหลืออีก หกวิชา...เตรียนตัวขึ้นเขียงได้...

วันนี้ทำตามสัญญา...นำการสาธิต..การวาดสีน้ำมาฝาก
แม้ว่าผมจะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่อาศัยใจรัก และศึกษาด้วยตัวเองผ่านทางหนังสือ และเพื่อน ๆ ชาวเน็ตนี่แหละ...

นี่คือรูปที่วาดเสร็จแล้ว.....


อันนี้ภาพต้นแบบ...แบบว่าจิ๊กมาจากเว็บอื่น...เจ้าของก็ตามลายน้ำในรูปแหละครับ ขอบคุณมาก


๑. ขึงกระดาษให้เรียบร้อย...กระดาษผมแข็งอย่างดี...เลยแหกกฎการขึงกระดาษ ใช้เทปใสนี่แหละ...สะดวกดี แล้วใช้ดินสอ..เบอร์ไหนก็ได้ แต่ให้ร่างเบา ๆ ขีดเส้นแบ่งด้วย ว่าจะให้ระดับน้ำทะเลและพื้นทรายอยู่ระดับไหน

๒. เมื่อได้รูปคร่าว ๆ แล้ว...ผมเริ่มที่การระบายน้ำสะอาดก่อน...ผมระบายบริเวณเหนือรูปนก แต่ให้เว้นตัวนกไว้ เพื่อเป็นการกำหนดรูปทรงของฝูงนก ...และเว้นตัวที่กำลังบินด้วยนะ...การเว้นว่างสีขาว..สำคัญนักแล...ช่วงฝึกใหม่ ๆ ผมทำไม่ได้เลย...แบบว่าใจร้อน..วาดทีไรก็ทับมันไปทุกที... ไม่ต้องระบายตรงน้ำทะเลกับท้องฟ้าก็ได้ เพราะเราจะใช้เทคนิค เปียกบนแห้ง....ส่วนที่ระบายน้ำเปล่านั้นก็เพื่อเตรียมไว้ไม่ให้สีไหลลงมาหาตัวนก..แบบว่าฝีมือเรายังไม่ค่อยดี เลยกันไว้ก่อน

พยายามไล่ระบายไปเรื่อย ๆ ระบายตรงช่องว่างระหว่างนกด้วยนะ....ใจเย็น ๆ เย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้


๓. ทีนี้ำก็เริ่มลงสีได้..โดยให้ผสมสีฟ้า แล้วแต่ระดับที่เรา้ต้องการ...เราวาดภาพกลางวัน..ก็ใช้สีฟ้าสดใส จะระบายเรียบลงมาเลยก็ได้ หรือว่าจะเว้นขาวหน่อย ๆ ให้เป็นลายเมฆก็เท่ห์ดี...ระบายจากข้างบนลงมาข้างล่าง โดยให้เลี้ยงน้ำเอาไว้ไม่ให้เกิดขอบ ให้มันกลืนกันไปตลอด พอมาถึงระดับที่เราจะทำให้เป็นน้ำทะเล เราก็ใช้สีที่แตกต่าง ผมเลือกใช้สีน้ำเงินเข้ม เ้ข้มกว่าท้องฟ้า...ไม่รู้ว่าถูกกฏหรือป่าวนะ...
ระบายลงมาถึงหาดทรายก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองน้ำตาลอ่อน ๆ ให้สังเกตว่าผมเว้นตัวนกไว้...ตามที่เราระบายน้ำเอาไว้ตอนแรก....แล้วเว้นเงาสะท้อนตัวนกไว้ด้วยนะ...มันจะสะท้อนน้ำ ตามสีของนก..นั่นคือสีขาว...แล้วแต้มสีน้ำตาลอ่อนเป็นจุด ๆ ตามเงาตัวนก..ใช้เทคนิคเปียกบนเปียกนะ...ดูตามรูปได้เลย
จะเห็นว่าสีสันของภาพวาด กับภาพต้นฉบับต่างกัน..เพราะเราสามารถกำหนดเองได้...ตามใจชอบ ไม่จำเป็นต้องเหมือนต้นฉบับก็ได้...


๔. ต่อมาเราก็เพิ่มสีน้ำตาลเข้มขึ้นมาหน่อย...เพื่อให้สีของหาดทรายทั้งด้านหน้าและด้านหลังกลมกลืนกัน โดยใช้เทคนิคเปียกบนแห้ง


๕. รอให้สีทั้งหมดแห้งสนิทก่อน..(สำคัญนะ)...ต้องรอแบบใจเย็น ๆ นะ...อย่ารีบ...แล้วผมก็เติมเงาของภูเขา หรือทำเป็นเกาะเล็ก ๆ ตามจินตนาการ...(ต้นฉบับไม่มี)


๖. เริ่มลงรายละเอียดที่ตัวนก โดยใช้สีแดงอมส้ม...ระบายตรงขาและปากของนก...ไม่ต้องระบายมาก นิดหน่อยพอ....แล้วใช้สีน้ำเงินผสมสีดำ ระบายรอบแรกแบบจางๆ ก่อน..พอแห้งแล้วค่อยระบายสีเข้มขึ้น..แต้มเป็นจุด ๆ ไป..ดูตามต้นฉบับ ว่าควรจะให้ตรงไหนเข้้มบ้าง..จุดนี้สำคัญมาก..เพราะถ้าระบายไม่ดี จะไม่ได้แสงเงา...และถ้าเลอะมากจะดูไม่ออกเลยว่าเป็นรูปนก...ระวังนะครับ


ดูกันให้ชัด ๆ ว่าระบายรอบแรกแบบจาง ๆ เป็นอย่างไร


อันนี้เริ่มลงสีเข้ม...เป็นต้นที่หัว และที่หาง รวมทั้งใต้ปีกด้วย....แต่ต้องรอให้สีแรกแห้งก่อนนะ...จะได้ไม่เลอะ



๗. เสร็จแล้วก็ลงเงาหาดทราย..ทั้งได้หน้าและด้านหลัง...พยายามระบายสีน้ำเงินเข้มผสมสีดำน้ำตาล...ระบายแบบจาง ๆ ก่อน ระบายเป็นเงาใต้รูปนกและแต้มแบบ ปะ ๆ ไปตามหาดทราย แต่ให้ระวังอย่าทาทับเงาิสะท้อนสีขาวนะครับ


ดูใกล้ ๆ นิดนึง


เห็นไหมครับ...เสน่ห์สีน้ำ เริ่มมาแล้ว...ไม่ต้องเน้นรูปทรงที่เหมือนจริงก็ได้..มันอยู่ที่ปลายพู่กันเรา...


๘. เก็บรายละเอียด เพิ่มเงาให้เข้มขึ้น รวมทั้งเพิ่มเงาของภูเขาด้วย เพื่อให้เกิดมิติใกล้ไกล และเกลี่ยสีเงาด้านหน้าเป็นเส้น ๆ ลาย ๆ ไป แต่อย่ามากนะ...แค่นี้ก็ได้ภาพสวย ๆ ด้วยฝีมือเรา...เอาไปเข้ากรอบ ติดฝนังบ้าน...อย่าลืมเซ็นชื่อสวย ๆ เท่ห์ ๆ นะ ...แขกมาเยี่ยมบ้านเมื่อไหร่...ก็จัดการโม้ได้เลย แค่นี้ก่อนนะครับ....บาย ๆ





วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นกนางนวล...กับทะเล ..(สีน้ำ)




ตอนแรกคิดว่าจะทำเป็นแบบสาธิตการวาดตามขั้นตอนต่าง ๆ
พอวาดไป...มันมือ...เลยตามเลย....
เผลอแบ๊บเดียวเสร็จแล้ว....

เมื่อวาดนกนางนวล..ก็ทำให้คิดถึงหนังสือเรื่องหนึ่ง...โจนาธาน ลิฟวิงตัน...
เรื่องนี้เคยอ่านนานแล้ว...นานจนจำเรื่องรายละเอียดไม่ได้...
เอาไว้ให้ผมกลับไปอ่าน..อีกรอบหนึ่งแล้วจะมาเล่าให้ฟัง...ว่าเรื่องมันตื่นเต้นและอมตะแค่ไหน...
พอดีไปดาวน์โหลดไฟล์มาแล้ว....เป็นหนังสือออนไลน์
ดีนะที่มีออนไลน์...เพราะอยู่เมืองนอก..หาหนังสือไทยอ่านยาก....

นี่เป็นภาพต้นฉบับ...แอบไปก๊อปมาจากเว็บอื่น...


นี่เป็นภาพที่ถ่ายทอดออกมาเป็นอารมณ์สีน้ำ...ฉบับบาทหลวง...

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เฒ่าผจญทะเล...ผู้ไม่เคยรับรู้คำว่า "แพ้"

ถ้าให้ผมเลือกระหว่างการนำรูปมาลงบล็อก กับการเขียนบทความลงบล็อก....ผมขอเลือกอย่างแรกดีกว่า
ผมเห็นว่าการนำรูปลงบล็อกง่ายกว่าการเขียนอะไรบางอย่างซะอีก...
ทุกครั้งที่ลงมือเขียน สมองก็ต้องคิด..คิด แล้วก็คิดอีก...รู้สึกเหนื่อย
เพราะว่าผมไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ...เลยต้องคิดให้หนัก...
กว่าจะกลั่นกรองเป็นตัวหนังสือได้...ก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมงพอดู

พอพูดถึงการเขียนหนังสือ..ก็อยากจะเล่าเืรื่องหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ
เฒ่าผจญทะเล (อังกฤษThe Old Man and the Sea) เป็นผลงานวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงของเออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม โดยเขียนที่ประเทศคิวบาในปีค.ศ.1951 และได้รับการจัดพิมพ์ครั้งแรกในปีค.ศ.1952 ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเฮมิงเวย์


เมื่อครั้งเป็นเณร...เพื่อนคู่หู รู้เรื่องหนังสือ...คนหนึ่งของผม
เขาชอบพูดกรอกหูผมอยู่เรื่อย ๆ ถึง "หนังสือเรื่องเฒ่าผจญทะเล"
ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะว่ามีหนังสืออื่น ๆ ให้อ่านอยู่มากมาย
ที่ซื้อ ๆ กันมา ก็อ่านไม่หวาดไม่ไหวแล้ว


อยู่มาวันหนึ่ง ไปเดินโต๋เต๋แถวปิ่นเกล้า พบหนังสือเล่มนี้เข้า...ปิ้ง ๆๆ
ซื้อมาเลย...แล้วลงมืออ่าน...เฮออออออออ วางไม่ลง
มันเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ที่เล่าถึงคนแก่คนหนึ่งที่รักอาชีพตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ
ผู้เฒ่าคนนี้ชื่อ "ซานติเอโก" แก่มากมายเลย...แต่ใจยังคงเป็นนักสู้อยู่
แต่ช่วงนั้นแกตกปลาไม่ได้เลยเป็นเวลา ๘๔ วัน...
จนเจ้าเด็กน้อยลูกเรือลำเล็กของแก...ชื่อ มาโนลิน...ต้องไปรับจ้างหาปลากับเรือลำอื่นแทน...
แต่เจ้าเด็กน้อยเพื่อนต่างวัยคนนี้ก็ยังอยากออกหาปลากับแก เพราะเขาเชื่อมั่นว่า...
เฒ่าคนนี้ คือ นักผจญทะเลตัวจริง แต่ตาเฒ่าไม่ยอมให้เขาไปด้วย

ที่สุดแกตัดสินใจออกเรือคนเดียว...เพื่อพิสูจน์ความเป็นพรานทะเลอีกเฮือกหนึ่งของชีวิต
แกออกเรือเพื่อไปตกปลา...และหวังว่าคงได้ปลาตัวใหญ่ อย่างที่เคยหวังทุกครั้งไป...
ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งโชคอาจเข้าข้าง...และวันนั้นอาจเป็นของแก...
แต่แกมีอายุมากขนาดนั้นแล้ว...จะเอาแรงที่ไหนมาสู้กับปลายักษ์ใต้ทะเลได้

แกต้องอยู่ในเรือลำเล็ก ๆ ...กลางทะเลที่อ้างว้าง...
ที่สุดปลามาร์ลินยักษ์ ก็ติดเบ็ดแก.
มันใหญ่กว่าทุกครั้งที่แกเคยจับได้..แกต้องต่อสู้กับมัน...ต่อสู้จนถึงที่สุด
ต่อสู้แม้ไม่มีใครรู้ว่าแกกำลังสู้อยู่ก็ตาม...แต่นั่น มันเป็นเพียงวันแรกเท่านั้น...
เพราะแกต้องสู้อยู่กับมันตั้งสามวัน....แทนที่แกจะเป็นฝ่ายลากมันขึ้นเืรือ แต่มันกลับเป็นฝ่ายลากแกไปกลางทะเลอันไกลโพ้น....
แกบอกกับตัวเองว่า...ไม่แก ก็มันละ...ที่จะเป็นฝ่ายหมดแรง....เสียท่า


โ้อ้ย...มันยากจะบรรยายได้ครบรส...ต้องไปอ่านเอง...
ที่สำคัญคือ ผู้แต่งได้กำหนดให้ผลของการต่อสู้นั้น...ว่างเปล่า
หลายถึง...ที่สุดเวลาผ่านพ้นไป ปลายักษ์หมดแรง...ยอมแพ้แกแต่โดยดี
แกได้ปลาตัวนั้นขึ้นลำเรือ...




แต่ระหว่างการเดินทางกลับ...สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
แกต้องทำสงครามรอบที่สอง
รอบนี้แกไม่ได้สู้กับปลามาร์ลิน แต่แกสู้กับปลาฉลามทั้งฝูง...
ที่สุด...........
ปลามาร์ลินที่แกได้มานั้น...กลายเป็นอาหารอันโอชะของปลาฉลามไป...คงเหลือแต่ซาก...กระดูก
อ่านแล้วก็สงสารแก...ที่แกอุตาส่าห์ลงแรงด้วยแขนอันเหยี่ยวย่น...ลงทุนไปเท่าที่จิตวิญญาณมีอยู่...
แต่ผลที่ออกมาคือ...ความล้มเหลว...


ใ่ช่ครับ...ในสายตาของผู้คนที่อยู่บนฝั่ง...ผู้เฒ่าคนนี้ อาจล้มเหลวในการออกเรือหาปลา...
แต่ภายในจิตใจของแก...แกคือผู้ชนะ...แกคือผู้พิชิตปลามาร์ลินยักษ์ได้...


คนเรา...ถ้าหากมีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ตนเองทำ...เชื่อว่าทุกอย่างไม่เกินความสามารถของเรา...
และที่สำคัญ...คือ การไม่ละทิ้งจิตวิญญาณของ "ความเป็น" (being) และใช้ "ความมี" ของตน
เพื่อต่อสู้กับความกลัว ปัญหา และอุปสรรคในชีวิต... แม้ไม่มีใครรับรู้ว่า...เราได้ต่อสู้กับมันมา อย่างสาหัสสากรรจ์เพียงใดก็ตาม... แต่เราก็ภูมิใจที่เราได้ต่อสู้อย่างถึงที่สุด แม้ว่าผลที่ออกมาจะดูเหมือนว่าล้มเหลวก็ตาม...แต่เราก็รับรู้ว่าได้ว่า...ชัยนะที่แท้จริง...ไม่ได้ดูที่ผล...แต่อยู่ที่การเอาชนะใจตัวเองต่างหาก ...หากว่าสองสามวันที่ผ่านมานั้น ตาเฒ่าท้อแท้และปล่อยให้เจ้าปลายักษ์หลุดไป...ก็ไม่มีใครว่าอะไร ดีเสียอีก เพราะแกก็แก่มาแล้ว...จะมาอดข้าวอดน้ำสู้กับมันทำไม...แต่ทว่า...ความเป็นเซียนปลา
ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น...แกยังยึดมั่น..และทำต่อไป....


...ผมเองรับรู้ว่า....ตาเฒ่าซานติเอโก....พระเอกคนนี้...แกชนะ...ตั้งแต่แกตัดสินใจออกเรือแล้ว....


ความประทับใจของผมยังไม่หมดเท่านี้นะครับ...มีอีกมากกับเรื่องราวของตาเฒ่าคนนี้
ว่าไปแล้วก็อยากกับไปอ่านอีกรอบ...เผื่อว่าจะมุมมองใหม่ในชีวิตเพิ่มเติมอีก....


ปล. บทความนี้ ผมได้เขียนขึ้นขณะที่กำลังเตรียมสอบและทำรายงานส่งอาจารย์...อ่านตำราและเขียนรายงานเป็นภาษาอิตาเลียน ซึ่งผมเองยังมีความรู้ระดับอนุบาลบ้านเรา...แล้วจะเรียนระดับมหาลัยได้อย่างไร...แต่ในที่สุด ก็ได้กำลังใจจากการเขียนบทความนี้...เพื่อเติมไฟให้ตนเองได้ต่อสู้ต่อไป...แม้ผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม...แต่สิ่งที่สำคัญคือ ได้ต่อสู้อย่างเต็มที่แล้วหรือยัง....สู้ต่อไปไอ้มดแดง...(หรือว่ามดดำดี...งงตัวเอง)...เปลี่ยนดีกว่า "สู้ต่อไปสไปเดอร์แมน" (อันนี้เข้าท่ากว่า)


"พระเ้จ้าเป็นอีกแรงใจหนึ่งในชีวิต....พระองค์ไม่ได้เป็นแค่แรงใจธรรมดา ๆ แต่เป็นขุมทรัพย์แห่งพลังใจ"
................................................................................................................


"ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาแก่ ยกเว้นดวงตา" (พิมาน แจ่มจรัส)




ขอบคุณภาพจากเว็บ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/oldmansea/oldman.html

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สีน้ำ...ทุ่งหญ้าป่าเขา




หลังจากทีห่างหายไป...แต่ใจก็ยังคิดถึงสีน้ำอีกตามเคย...
เมื่อหัดวาดเทิคพื้นฐานใหม่แล้ว...
ก็เริ่มลงมือวาดทิวทัศน์ใหม่...
คราวนี้รู้สึกว่าดีขึ้นกว่าเดิมหน่อย...
คงต้องฝึกอีกนาน....และฝึกต่อไปเรื่อย ๆ
เดี๋ยวคราวหลัง..จะนำภาพมาให้ชม แบบ step- by-step
เราจะได้เรียนรูปไปด้วยกัน

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ขอบใบ...




เมื่อถึงเวลา...ทุกอย่างมันจะเข้าที่ของมัน...
เมืองไทยร้อนมาก...ร้อนทั้งอากาศ ร้อนทั้งบ้านเมือง...
เลยชวนมาดูอะไรเย็น ๆ สดใส ๆ กันบ้าง....

ผมละคนหนึ่งที่ชอบถ่ายเงาใบ...เพราะมันทำให้ผมรู้สึกถึงความอัศจรรย์หลาย ๆ อย่าง
ที่แฝงอยู่ในภาพ...รวมทั้งมีโอกาสได้ใช้จิตนการอย่างมากด้วย...

พูดไป ก็งงไป...มันอาจจะติสต์...หน่อย ๆ นะ พยายามเข้าใจเองละกัน





































วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ย้อนกลับไปเบสิควาดสีน้ำ




เมื่อวาดสีน้ำไม่สวยดั่งใจ...
เลยตัดสินใจ เริ่มต้นใหม่...ด้วยการฝึกระบายสี...
เหตุเพราะผมไม่เคยได้ฝึก...ใจร้อน...อยากกระโดดข้ามขั้น...
ผลงานที่ออกมา...จึงไม่สวยงามและฝีมือก็ไม่พัฒนาขึ้นเลย
การฝึกวาดขั้นพื้นฐาน ถือว่าเป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาฝีมือ
อะไรก็ตาม หากไม่ใช่เพราะดีมาตั้งแต่เกิด....ย่อมต้องการการฝึกขั้นพื้นฐานเสมอ

พระเยซูเจ้าทรงสอนไว้ว่า "คนมีปัญญา ย่อมรู้ว่าเขาต้องสร้างบ้านไว้บนดินที่แข็งแรง ไม่ใช่บนหาดทรายที่โคลงเคลง บ้านของเขาจึงจะเข้มแข็งและมั่นคง"

ผมจึงตระหนักได้ว่า..."การเริ่มทำอะไรสักอย่าง ต้องศึกษาธรรมชาติแท้ของสิ่งนั้นให้ลึกซึ้งก่อน
แล้วค่อย ๆ พัฒนาต่อยอด สร้างสรรผลงานให้เหนือความคาดหมายโดยอาศัยพื้นฐานของสิ่งนั้นเป็นที่ตั้ง"



"เหตุเพราะขาดการเรียนรู้เรื่องพื้นฐาน...
...อนาคตจึงไปไม่ได้ไกล"
(คมไหม?)



วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ฉลองครบ ๒๐๐ แฟน




โอกาสครบ ๒๐๐ แฟนเฟสบุ๊ค...
จึงได้สมนาคุณแฟน ๆ ด้วยภาพสวย ๆ
เพื่อเป็นการขอบคุณ..ที่ทุกท่านเสียสละเวลาอันมีค่า
มาเยี่ยมเยียนบ้านน้อยหลังนี้...
และหวังว่าจะเป็นกำลังใจให้กันต่อไป..
เพื่อสร้างสรรค์ผลงานเล็ก...บนโลกสีน้ำใบนี้
ขอทุกท่านมีความสุขมาก ๆ แม้ในวันธรรมดา ๆ
ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่านครับ


























































เนื้อหาและรูปภาพในบล็อกนี้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่ถ้าจะนำไปใช้ในการอื่น ขอให้แจ้งเจ้าของบล็อกนิดนึงนะครับ
สงวนลิกขสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ครับ...