Edit title Here

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
นักคิดร้อยคำ นักธรรมร้อยใจ
วันนี้มีอะไรใหม่ ๆ เสมอในชีวิต
อย่างน้อยก็มีความรักของพระเจ้า
เป็นความรัก...ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
และอยู่กับเราเสมอ...แม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจก็ตาม
Enter
BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อัศจรรย์คืนแห่งดาว....

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ...ว่าชีวิตมันแอบซ่อนสิ่งมหัศจรรย์ไว้มากมาย...
ผมละคนหนึ่ง...ที่เชื่อว่าสิ่งมหัศจรรย์ของชีวิต..คือ "เรื่องธรรมดา"


ติช นัท ฮัน กล่าวไว้อย่างราบเรียบว่า 
"มหัศจรรย์ของชีวิตก็คือการย่ำเท้าบนยอดหญ้าง่ายๆ เช่นนั้น"


วันนี้ผมมากับเรืองราวเล็ก ๆ 
ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๐๑๐
ที่เมืองไทยของเราเป็นวันแม่แห่งชาติ
แต่ที่อิตาลี..เรามาดูดาวตกกัน
อันที่จริง ดาวตกนั้นมีเกือบทุกวันอยู่แล้ว...เพียงแต่ว่า "มันมีไม่มาก"
และน้อยคนที่จะเฝ้าดูมัน...


ช่วงวันที่ ๑๐ - ๑๒ สิงหาคม ของทุกปี..
จะมีดาวตกมากที่สุด...เพราะอะไรนั้นผมไม่ทราบ
มันเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์..ซึ่งผมเองก็ไม่เก่งซะด้วย


พอถึงวันนัดหมาย...คือวันที่ ๑๒ สิงหาคม...
ท้องฟ้าของวันนั้น มืดมิด..มัวหมอง...มองไม่เห็นสีฟ้าเลย...


พ่อเจ้าวัด คือ พ่อลูกา...
พ่อชอบหากิจกรรมต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ทำ..
เด็กคำสอนและเยาวชนที่นี่ก็ชอบร่วมกิจกรรมกับพ่อเจ้าวัด..


ฟ้ามืดอย่างนี้ เรายังจะไปอีกเหรอ...ผมคิดในใจ..
ไปแล้วจะเห็นอะไร...ดาวสักดวงยังไม่โผล่หน้ามาให้เ็ห็นเลย


แต่พ่อเจ้าวัดบอกกับเด็ก ๆ ว่า...
เราจะไปดูดาวกัน...ถ้าฟ้าไ่ม่เปิด..เราก็จะไปกินไอติมกัน...
เอ่อ..อันนี้เจ๋งสุด...น่าไป...
เป็นการปลอบใจเด็ก ๆ หรือป่าวก็ไ่ม่รู้...แต่ที่สุดเราก็ไปกัน..
เด็ก ๆ ขึ้นรถมินิบัสสองคัน
ส่วนผู้ปกครอง...ขับรถไปเอง..





แปลกนะ...รถผู้ปกครองก็ว่าง...
แต่พ่อเจ้าวัดไม่ให้เด็กนั่งไปกับผู้ปกครอง...
แต่ให้ไปด้วยกันเป็นหมู่คณะ...


พอไปถึง..ความหวังก็เริ่มหมด..
ผมก็อยากดูดาวตก..เพราะตั้งแต่เกิดมา...
ไม่เคยคิดว่าจะต้องหอบผ้าหอบผ่อนมาดูดาวตกอย่างนี้มาก่อน...


ผมเิริ่มภาวนาต่อพระเจ้าขอให้ฟ้าเปิด...อย่างน้อยก็ให้เห็นดาวตกบ้างไม่มากก็น้อย...
ผมภาวนาต่อท่านบุญราศีโดเมนิโกด้วย...


สักพัก...มันเหลือเชื่อจริง ๆ
ฟ้าเริ่มเปิด เมฆเริ่มไหลกระจายออกไป...
มันเปิดเฉพาะที่ที่เราอยู่...


อันนี้ผมเรียกของผมเองว่า.."อัศจรรย์"...
มันตื้นตันอยู่ในหัวใจผมอยู่หลายนาทีเหมือนกัน...
จริง ๆ ผมไม่ได้คิดว่า พระจะฟ้งคำภาวนาของผม...นะ...





ผมอยากเปิดเผยส่วนหนึ่งของคำภาวนา...
หลังจากที่ผมสวดขอเสร็จ...
ผมพูดกับพระว่า...
"พระองค์บอกว่า ถ้าใครมีความเชื่อเพียงเล็กน้อย
ก็สามารถเคลื่อนภูเขาได้...
แต่ลูกนี้มีความเชื่อน้อยมาก...ไม่รู้จะเคลื่อนเมฆออกได้หรือป่าว
แต่ขอให็เห็นแต่ความน่ารักและความซื่อของเด็ก ๆ เหล่านี้ด้วย...
พวกลูกอยากดูดาวตกจริง ๆ ให้ท้องฟ้าเปิดออกบ้าง
อย่างนี้ก็ตรงที่ที่เราอยู่ก็ยังดี...ลูกขอขอบพระคุณพระองค์"....


นี่แหละครับ...มันทำให้ผมสะอึก...ว่า
พระองค์ทรงฟังคำภาวนาของเราทุกคน
ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม....


ลืมบอกไป ที่นี่เป็นศูนย์วิจัยดาราศาตร์ประจำอำเภอ อยู่บนภูเขา
ห่างจากหมู่บ้านที่เราอยู่ราว ๑๐ กิโลเมตรได้

ที่เล็ก ๆ แห่งนี้..ยังมีศูนย์วิจัย และหอดูดาว...
แถมมีเ้จ้าหน้าที่ประจำอีกสามสี่คน...
ช่างดีเหลือเกิน...





เจ้าหน้าที่เริ่มอธิบายและให้ความรู้แก่เด็ก ๆ 
เด็ก ๆ ตั้งใจฟ้งกันมาก ๆ...


สักพักพวกเราเริ่มเห็นดาวตก..ทีละดวง สองดวง...
ผมเองได้เห็นจะจะ ก็วันนี้แหละ..
บางดวงมีแสงว๊าบบบบบบบ เป็นทางยาว...สวยงามมาก...
เสียงเฮดังลั่นทุกครั้งที่มีดาวหล่นจากฟ้า..
สร้างบรรยากาศได้ีดีทีเดียว...


ที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่่งคือ...
บรรดาเด็ก ๆ และผู้ปกครอง
ต่างเตรียมสื่อ ผ้าห่อ ไปปูนอนเรียงราย...เป็นครอบครัว
น่ารักมาก ๆ....
ขณะที่เรานอนดูดาวตกอยู่...ซึ่งก็มีไม่มากนัก ตกแบบไม่ค่อยต่อเื่นื่องสักเท่าไหร่
เจ้าหน้าที่ จะมีไฟฉายเฉพาะิกิจ...
ซึ่งเอาไว้ชี้ตำแหน่งดาวบนท้องฟ้า...
และอธิบายเรื่องราวของดาวกลุ่มต่าง ๆ....
ฟังแล้วเพลินดี....





มันเหมือนอยู่ในท้องฟ้าจำลอง
แต่มันไม่ใช่..นี่มันท้องฟ้าจริง ๆ

ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่...
เจ้าหน้าที่ชี้ไป ชี้มา...สนุกมากเลย
ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเรียนรู้เรื่องดาวภาคสนามแบบนี้...

ประทับใจมาก ๆ


สักพักผมเริ่มติดใจกับการดูดาวตกแล้วละ...
กะว่าทุกปีจะพยายามเฝ้ารอดู..แม้ว่าจะดูคนเดียวก็ตาม...


แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดไว้...
ถ้าปีไหนผมดูดาวตกคนเดียว ณ ที่แห่งหนึ่ง...
ผมก็จะคิดถึง อีกหลาย ๆ ที่ ยังมีคนเฝ้าดูดาวตกเหมือนผม
ดังนั้น แสดงว่า ผมก็ไม่ได้ดูดาวตกเพียงลำพัง..
แต่มีเพื่่อนทั่วทั้งโลก...ที่ันั่งดูดาวดวงเดียวกันอยู่





มันเหมือนตอนที่เราภาวนานะ...
เวลาที่เราทำมิสซาส่วนตัว...
หรือทำวัตรส่วนตัว...
เราทำคนเดียว ณ ที่ที่หนึ่งก็จริง...
แต่ถ้าคิดอีกที...ยังมีคนอีกมากมายที่ทำให้ทุกช่วงเวลาในโลกนี้ศักดิ์สิทธิ์


เวลาในโลกนี้ แม้จะสับสนวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา...
มีสิ่งร้าย ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกมุมโลก...


แต่...ทว่า..โลกนี้...ยังถูกค้ำจุนด้วยคำภาวนาเสมอ และต่อเนื่อง....
ไม่มีวินาทีใดที่โลกหยุดการภาวนา...
และไม่มีวินาทีใดที่พระองค์จะไม่รับฟังคำภาวนาของเรา...


ดังนั้น..จึงอยากให้เรามีกำลังใจการบากบั่นภาวนา...
ต้องใช้คำว่า "บากบั่นกันเลยทีเดียว"...
เพราะว่าบางคนต้องอาศัยพลังจริง ๆ จึงจะสามารถเริ่มต้นภาวนาได้


ขอให้ทุกคนเป็นหนึ่งในพลังค้ำจุนโลก..ด้วยการภาวนา
เหมือนสารแห่งแม่พระฟาติมา ที่ขอร้องให้เราช่วยกันภาวนาให้โลก...





แม้ว่า..วันที่ไม่มีดาวตก...เราจะยังภาวนา
เพราะทุกวันเรามีพระอาทิตย์...ส่องให้โลกได้เห็นแสงสว่าง...
เรามีอัศจรรย์ในวันธรรมดา...





และแม้ว่า..วันที่ไม่มีดาวตก...เราก็ยังจะกินไอติมเหมือนเดิม...
นั่นแหละครับ..มันก็เหมือน  ๆ กัน


คาลิล ยิบราน นักปราชญ์ชื่อดัง
เขียนว่า “จงอย่าลืมว่าโลกปีติยามสัมผัสฝ่าเท้าเปล่าของเจ้า...
และสายลมปรารถนาจะเล่นกับเส้นผมของเจ้า”











ผมลืมเรื่องไอติมไปเลย...
เพราะมัวแต่ดูดาวตก...
แต่ในที่สุดเราก็ไปกินไอ้ติมกัน..
ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็น..
และตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว...


เด็กแต่ละคนดูมีความสุข..
บางคนมีความสุขกับการดูดาวตก
บางคนนับได้หลายดวง
บางคนก็มีความสุขกับการได้กินไอ้ติม...









มันคือ คืนอัศจรรย์แ่ห่งดาวจริง ๆ .....
ขอบคุณพระองค์ที่ให้ลูกได้มาอยู่ที่นี่...
เป็นที่แห่งใหม่...แต่เป็นดาวดวงเดียวกับที่ผมมองเห็นที่เมืองไทย...
มันช่างมหัศจรรย์จริง ๆ



วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตติดดิน..ด้วยความสมัครใจ

หากนับวันเวลา...ที่ได้ขยับ กระสับกระส่าย ร่างกายอันกำยำ อย่างเป็นทางการ..
หรือที่เรียกว่า ได้ออกกำลังกายอย่างเอาเป็นเอาตาย...
มันก็นานพอสมควร...
จนตอนนี้ร่างกายรู้สึกว่ามีส่วนเกิน จนกลายเป็นส่วนกลมไปหลายส่วนแล้ว..



ฟ้าเล่นตลกอะไรกับผมอีกก็ไม่รู้....
โอกาสที่จะได้ออกกำลังกายมาถึงอีกแล้ว.....

"อ้าว...ที่นี่มีสนานเทนนิสด้วยเหรอ???"
คำอุทานปะปนกับความตื่นเต้นดีใจของผม....
เมื่อได้ฟังการเล่าเรื่องการเล่นเทนนิสของเพื่อน ๆ รุ่นจิ๋วของผม...

วันนี้เลยได้โอกาส มาเล่าเรื่องราวของเพื่อน ๆ รุ่นจิ๋ว..นักเทนนิสรุ่นเยาว์
และเรื่องราวของนักเทนนิสรุ่นเดอะอย่างผม...













มันตลกเหมือนกันนะ...
ที่ผมกลายเป็นเด็กโข่ง...ไปเรียนเทนนิสกับเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ
พออาจารย์ให้ทำอะไร...เด็กโข่งอย่างผม ก็ทำอย่างสุดฝีมือ..
เพราะกลัวว่าจะอายเด็กมัน....

อาจารย์ก็...ชื่อเดียวกันกับผมด้วย...
โทมมาโซ....
งานนี้เลยฉลุย....



ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับการเล่นเทนนิสคอร์ทดิน...
เคยเห็นแต่ นาดาล เล่นในทีวี...
วันนี้ผมเลยขอ หน้าด้าน...บุกบั่นไปเล่นบ้าง...
และไม่รู้ว่าเค้าจ่ายค่าสนามกันหรือป่าว...แต่ก็ลงไปเล่นเฉยเลย...



หนึ่งสัปดาห์ได้เล่นสามวัน คือ วันจันทร์ พุธ และศุกร์...เริ่มเวลา ๑๐.๐๐ น.
สรุปแล้วผมต้องเดินลงเขาทุกวัน....เพราะว่า
วันอาทิตย์ อังคาร พฤหัสฯ และเสาร์ ต้องเดินลงไปทำมิสซา....
โอ้ชีวิต..คราวนี้ละ..จะได้บอกลาบรรดาเพื่อนพ้องไขมันทั้งหลายซะที...



เิริ่มต้นด้วยการฟอร์มอัพ....รู้สึกไม่ชินกันการวอร์มแบบมีระบบ
และต้องมาเล่นกับเด็ก ๆ ที่มีผู้ปกครองมาคอยดูแล...และพวกเค้าแลดูผมเล่นตลกไปด้วย..
พูดแล้วก็ขำตัวเองเหมือนกัน ทำไปได้....



การวิ่งรอบสนามฟุตซอล ๑๐ รอบ...ไม่ใช่วิสัยของผม...แต่ท่องไว้ในใจ..ว่า..เพื่อสุขภาพ ๆ ๆ
เสร็จแล้วก็มากระโดดไปไมา...อยู่หลายรอบ ถอยหน้า ไปหลัง...หย่องแหย็ง ๆ
เหนื่อยเอาการเหมือนกัน...
ต่อมาก็ซิทอัพ...โอ้ว แม่เจ้า...พระเจ้าจอร์ช มันยอดมาก...
อยากได้แอ๊บดอมิไนเซอร์มาช่วยจัง...จะได้ซิกแพ็คก็งานนี้ละ...(ฝันไว้)
แล้วก็วิ่งด้วยความเร็วสูง..ระยะสั้น..อันนี้สบายอยู่แล้ว...ระยะสั้นนะ...ระยะยาวมิไหว



เมื่อวอร์มเสร็จก็ลงสนาม...
หัดแบ็กแฮนด์ โฟร์แฮนด์...
ดีเหมือนกันเป็นการรื้อฟื้น...
คราวนี้ได้เล่นแบบมีครู...รู้สึกว่ามั่นใจ...เมื่อก่อนไม่มีใครสอนเลย...ต้องหาความรู้เอง
ผิด ๆ ถูก ๆ ....



พอเล่นไปเล่นมาก็เริ่มดีขึ้น...แต่คอร์ทดินนี่ก็ดีนะ...
เป็นดินชนิดพิเศษ...ไม่เปื้อนตัว ไม่เปื้อนลูก...
สนุกดี....



ชีวิตเราช่างติดดินจริง ๆ ...
ลำบากนะนี่..ถ้าต้องมาเล่นอย่างนี้ทุกวัน...
เป็นกางเขนรึป่าวก็ไม่รู้....ฮ่า ๆๆๆ






ชีวิตติดดินอย่างนี้ชอบ ๆๆๆ
คราวนี้ถ้าได้กลับไปโรม เพื่อน ๆ คงแปลกใจว่าไปทำอะไรถึงได้ผอมซะขนาดนี้....

ขอบคุณพระเจ้า...ที่เตรียมสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตลูกเอาไว้อย่างดี...
บนหนทางแบบนี้...ใครจะรู้ว่า...มีสิ่งดีดีให้ค้นพบเสมอ..

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อันนี้...ไม่เคยจริง ๆ

"ลูกเสือเขาไม่ัจับมือขวา...ยื่นซ้ายมาจับมือกันมั่น"
ยังคงจำได้เสมอ เพลงลูกเสือที่ร้องตอนเป็นเด็ก ๆ

วิชาลูกเสือ มีไว้ทำไมกัน...
ยืนอาบแดดตลอดชั่วโมง...เดี๋ยวก็วิดพื้น...เดี๋ยวก็แทงปลาไหล...สารพัด
อาจารย์ก็ว่างจัด...เดินตรวจกวดขันกันนัก กับเรื่องการแต่งองค์ทรงเครื่อง...
ใครออกแบบมาก็ไม่รู้...อุปกรณ์เยอะเกิน...
เพื่อนผมบางคน...มันไม่คอยแต่งตัวได้สมบูรณ์แบบสักที...
ไม่ขาดอะไร ก็ต้องขาดอะไรสักอย่าง...

นั่นมันลูกเสือไทย...
ผมบรรยายเชิงบ่นนิดหน่อย...
ก่อนจะนำเข้าเรื่อง..."ลูกเสืออิตาเลียน"

ผมพักร้อนอยู่ที่ หมู่บ้าน Montecerignone ใกล้ ๆ กับ Rimini และ San Marino
อันที่จริงก็แทบจะไม่ได้พักเลย เพราะต้องเตรียมโน่นนี่ตลอด
โดยเฉพาะต้องเตรียมอาหารการกิน...กินอีกแล้ว..
อยู่มาวันหนึ่งก็มีลูกเสือกลุ่มหนึ่ง...ขอมาพักที่นี่ และมาอาสาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในวัด...
ซึ่งที่นี่ก็รับลูกเสือเป็นประจำอยู่แล้ว...
แต่ไม่คิดว่าจะมาตอนที่เจ้าวัดไม่อยู่....

แฮ่ม.. ก็เหลือแต่เจ้าวัดจำเป็นอย่างผม...นี่แหละ..
พองานเข้า...แล้วตรูจะทำอย่างงัยดี...
อันนี้...ไม่เคยจริง ๆ
จะพาเขาร้องเพลงรอบกองไฟซะหน่อย ก็เกรงใจ...
กลัวไฟจะไหม้วัดเค้า...

พอพวกลูกเสือมาถึงจริง ๆ
ก็ตกใจนิดหน่อย...มีแต่เสือตัวใหญ่ ๆ
มีเสือตัวผู้อยู่ ๔ ตัว และตัวเมียอีก ๒ ตัว...
ก่อนอื่นก็ต้องจับแยกคอก เฮ้ย..แยกห้องซะก่อน
เพราะว่าแต่ละคนเป็นวัยรุ่นทั้งนั้น....

พอสอบถามประวัติก็รู้ว่าพวกเขามาจากเมือง Ravenna เมืองแห่งจิตกรรมโมเสกนี่เอง...
ทีนี้ก็คิดกันว่าจะทำอะไรดี...หนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน....
ก่อนอื่นก็ให้พักผ่อนกันก่อน...แล้วตอนเย็นค่อยพบกัน..

กิจกรรมแรกที่ทำ คือ ให้เล่นเกม Sudoku เกมโปรดของผม...แต่ไม่รู้ว่าพวกเค้าจะโปรดหรือป่าว...
ทำไปทำมา...มันก็ยากเกินไป...ผมเองทำไม่ได้เลย..แต่น้อง ๆ ลูกเสือทำได้อยู่สองสามคน...
เก่งจังโว้ย...ด่านแรกผ่านไป...




ต่อมาก็ให้อ่านประวัติท่านบุญราศีดอเมนิโก...แล้วก็ผลัดกันตอบคำถาม อันนี้สนุกดี
ไม่ใช่อะไรหรอก...
ตอนที่เค้าอ่าน ผมก็ไม่รู้เรื่อง.
ตอนที่เค้าถาม ผมก็ไม่รู้เรื่อง
และตอนที่เค้าตอบคำถาม ผมก็ยังไม่รู้เรื่อง...
แต่ผมต้องให้คะแนน...
ก็คอยถามว่า "เป็นงัย...ถูกไหม????"
เค้าก็คงงง ๆ เป็นกรรมการยังงัยกัน...มิรู้เรื่องเอาซะเลย....

เสร็จแล้วก็พาเค้าไปสวดภาวนาในวัด...
อันนี้ดูเหมือนเรือหน่อย (เข้าท่า)
ดูดีมีสาระ...ให้เด็กได้ใกล้ชิดพระบ้าง...




เสร็จแล้วเราก็พากันทำความสะิอาดบ้าน...
และทำกับข้าวทานกัน...
วันนี้เราทำหลายอย่างนะ...กินกันเจ็ดคน กลัวไม่อิ่ม..
เมนู ก็มี...สลัด โปชุตโต้ เมโลเน่ สปาเก็ตตี้ ทูน่า โฟมาโจ่ ฯลฯ...
พอได้เวลาทานนะครับ...
ลูกเสือกลายเป็นเสือหิว...
เค้าบอกว่าอยู่ค่ายมาสองอาทิตย์ ไม่เคยเจออาหารแบบนี้มาก่อน...
เลยซัดกันซะ....






พอวันต่อมา...ผมสั่งลูกเสือ...(ไม่ได้ขอร้องนะ แต่สั่ง)
ไปร่วมมิสซากับผมที่หมู่บ้าน...เราต้องเดินลงเขาไปอีกนิดหน่อย...
น้อง ๆ ก็อาสาเล่นกีตาร์และร้องเพลงในมิสซาด้วย...
ชาวบ้านชอบกันใหญ่เลย...
ทำให้มิสซาเช้าวันนั้น มีสีสรรขึ้นเยอะเลย...
แถมน้อง ๆ ยังเอาใจผม โดยการเล่นเพลงโปรดผมด้วยนะ
Resta qui con noi ก็ผมพอจะร้องได้บ้างอะนะ....

 





น้อง ๆ ทุกคนนิสัยดีมาก...
เวลาที่เค้าจะทำอะไร...เค้าต้องขออนุญาต ต้องพูด ต้องอะไร...ก่อน
แบบที่ควรทำ...แบบว่ามีมารยาทมาก...
เห็นว่าม๊ก ๆ เพราะไม่อาบน้ำ...แต่ว่าน้ำใจดีเหมือนกันนะ....



ประสบการณ์นี้จะไม่ลืมเลย...
ที่ได้อบรมลูกเสืออิตาเลียน....ทั้ง ๆ ที่ภาษาก็งั้น ๆ
อาศัยจิตตารมณ์พ่อบอสโก....
คือ อยู่กับเค้า...และเป็นเพื่อนเค้า...
แค่นี้เราก็อยู่กันอย่างราบรื่นแล้วละ.....

เนื้อหาและรูปภาพในบล็อกนี้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่ถ้าจะนำไปใช้ในการอื่น ขอให้แจ้งเจ้าของบล็อกนิดนึงนะครับ
สงวนลิกขสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ครับ...