Edit title Here

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
นักคิดร้อยคำ นักธรรมร้อยใจ
วันนี้มีอะไรใหม่ ๆ เสมอในชีวิต
อย่างน้อยก็มีความรักของพระเจ้า
เป็นความรัก...ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
และอยู่กับเราเสมอ...แม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจก็ตาม
Enter
BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สุขสันต์วันคริสต์มาสและสวัสดีปีใหม่

โอกาสนี้...
ขอให้ทุกท่านจงประสบแต่ความสุข
คิดสิ่งใดให้สมปรารถนาทุกประการ
ขอให้พระกุมารเยซู อวยพระพรทุกท่านและครอบครัว
ให้ชีวิตมีแต่พระพรของพระองค์ตลอดไป...

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เฉลิมพระชนมพรรษา ณ กรุงโรม

เมื่อวันที่ ๕ ธัีนวาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา
เราชาวไทยได้ไปรวมตัวกัน ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศอิตาลี
เพื่อร่วมถวายพระพร ในวรโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาฯ มหาราช
ได้โอกาสเลยเก็บภาพมาฝาก...
ใครอยากรู้ว่าภายในอาคารสถานทูตไทย มีบรรยากาศเป็นงัยเชิญชมได้นะครับ

















วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อารมณ์สีเทา

วันนี้...อารมณ์มันขุ่นมัวยังงัยไม่รู้...
แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เถอะ

คำถามที่คนทำงานมักไม่อยากได้คำตอบ ก็คือ
พรุ่งนี้วันจันทร์แล้วเหรอ??

นั่นแหละ...คือ วันที่ต้องเหนื่อย วันที่ต้องเซ็ง
แต่ทำงัยได้..
เอานะ ปีหนึ่งมีวันจันทร์แค่ไม่กี่ครั้งเอง
แต่มีวันหยุดเยอะมาก ๆ....

แค่นี้ไม่ตายหรอก...

ขอมอบภาพอารมณ์สีเทา
ไว้ปลอบใจคนที่ไม่ชอบวันจันทร์สักหน่อย...






วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สิ่งที่ค้างไว้

งานนี้ค้างคาไว้ ตั้งแต่ตอนปิดเทอมแล้ว
วันนี้มีโอกาสนำมาให้ชมกัน
หวังว่าคงมีคนชอบบ้างอะนะ

ช่วงปิดเทอมไม่ได้หิ้วอุปกรณ์ไปมาก
เลยต้องหาอาวุธแถว ๆ นั้น...

ที่ใส่น้ำผสมสี...ก็คือ แก้วน้ำบ้านซิสเตอร์
โต๊ะวาดภาพ...ก็คือ โต๊ะอาหารบ้านซิสเตอร์
กระดาษวาดภาพ...ก็บังคับซิสเตอร์ซื้อให้
พู่กัน...ก็จิ๊กมา หลังวาดภาพประตูที่วัดน้อยของซิสเตอร์
กระดานรองวาด...ก็คือ ลิ้นชักในตู้เสื้อผ้าของห้องรับแขกบ้านซิสเตอร์

พอวาดเสร็จแล้ว...ก็เอาไปมอบให้ซิสเตอร์เป็นที่ระลึก
พอมอบให้เสร็จแล้ว...ก็ไปหาเรื่องเอาคืนมา เพราะเสียดาย...

ตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่....รายามจริง ๆ เรยราว







วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แสวงหา ลุกขึ้น แล้วพูด



วันนี้พระวรสารเรื่องพระเยซูเจ้ากับศักเคียส
วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ ๓๑ เทศกาลธรรมดา ปี C
ปกติแล้ว ไม่ค่อยได้เขียนเรื่องรำพึงรำพันพระวาจาของพระเจ้าเลย
แต่วันนี้ขอสักหน่อย ..
เพราะเมื่อเช้า ได้เวรอ่านพระวรสารในมิสซา...เลยคึก

สิ่งที่อยากบอก....มีสองอย่าง
อย่างแรก “แสวงหา
อย่างที่สอง “ลุกขึ้นแล้วพูด

ทั้งหมดเป็นคำกริยา (บอกทำไม ใคร ๆ ก็รู้)
เป็นกริยาอาการที่เกี่ยวข้องทั้งกับพระเยซูเจ้าและกับศักเคียส

เขาจึงวิ่งนำหน้าไป ปีนขึ้นต้นมะเดื่อเทศ เพื่อให้เห็นพระเยซูเจ้า
อันที่จริงในภาษาต้นฉบับบอกไว้ว่า “เพื่อหาให้เห็นพระเยซูเจ้า”
หมายถึง ศักเคียส กำลัง “แสวงหา” พระเยซูเจ้า
ส่วนพระเยซูเจ้า ได้กล่าวตอนท้ายว่า “บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น”
พระเยซูเจ้ามาเพื่อตามหาผู้ที่หลงทาง ส่วนศักเคียสก็ออกแรงตามหาพระเยซูเจ้า
ตามคนต่างหา....
มิใช่ปล่อยให้พระเยซูเจ้าตามหาเราอยู่ฝ่ายเดียว
มิใช่ปล่อยให้ตัวเองหลบหนี ห่างไกลจากพระองค์

เมื่อพบ...
ในพระวรสารบอกว่าพระเยซู “ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตร”
แต่ในภาษาต้นฉบับเขียนไว้ว่า “พระองค์ทรงลุกขึ้นและทอดพระเนตรมายังเขา”
พระองค์พูดกับเขา บอกให้เขารีบลงจากต้นไม้
และพระองค์บอกกับเขาว่า “วันนี้เราต้องไปพักที่บ้านของท่าน”
เมื่อพระองค์พบว่าผู้ที่หลงไป อยากกลับมาหาพระองค์
เพราะองค์ก็ต้องรีบนำความรอดมาสู่เขา

เมื่ออยู่ในบ้าน...
พระวรสารบอกว่า “ศักเคียสยืนขึ้นทูลพระเยซูเจ้า”
ศักเคียสลุกขึ้นแล้วทูลพระเยซูเจ้า ถึงเรื่องที่เขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เรื่องที่เขาจะทำเพื่อชดเชยสิ่งที่ผิดไป

สุดท้าย...คือ ความรอดพ้น
วันนี้ เราลุกขึ้น แล้วบอกกับพระองค์หรือยัง
ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร?


มารีย์   : วันนี้สุด ๆ
มาร์ธา  : ทำไมละ ไปวัดมา มีอะไรเล่าให้ฟังบ้างสิ
มารีย์   : พ่อเจ้าวัดเทศน์อะไรก็ไม่รู้
มาร์ธา  : อ้าว...ก็มัวแต่นั่งหลับละซิ..ถึงไม่รู้เรื่อง
มารีย์   : ปวดขี้ เลยไปเข้าห้องน้ำ กลับมาภาคถวายละ
มาร์ธา  : นิสัย....






........................

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แข่งเรืออิตาลี...

ตอนแรกที่เห็น รู้สึกงง ๆ
ไม่นึกว่าจะมีแข่งเรืออย่างนี้ในกรุงโรม..
มันคล้าย ๆ แข่งเรือบ้านเราเลย..
ก็เลยขอเก็บภาพไว้...
เป็นการลงเลนส์ซูมไปในต้ว...








วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วาติกัน ยังคงอยู่...มิได้ไปไหน

ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหน
ลัดเลาะ วกวน ป้วนเปี้ยน ไปมา แถว ๆ วาติกัน
แวะร้านโน้น ร้านนี้...เผื่อจะเจอของถูกใจ
ก็มีบ้างที่อยากได้อยากซื้อ...
แต่พอดูเงินในกระเป๋าแล้ว...ก็ได้แค่มอง
เพราะต้องใช้หลายอย่าง ...ต้องเผื่อค่าหนังสือหนังหาด้วย
เลยได้แต่เก็บภาพวาติกันไว้เป็นที่ระลึก..

วันที่ฟ้าเปิด....
แต่ละวันท้องฟ้าก็แตกต่าง
อารมณ์ก็เปลี่ยนแปลง..
แต่วาติกัน ยังคงอยู่ มิได้ไปไหน
แต่สักวัน..ผมก็จะไม่อยู่..แต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปไหน
ถ้าวันนั้นมาถึง..ก็อาจเสียดาย ที่มิได้ชื่นชมวาติกันอย่างถี่ถ้วน
เลยต้องขยันหามุม....ขยันมาเยี่ยมบ่อย ๆ
ไม่อยากมีคำว่าเสียดาย...








วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สะพาน ผ่านความทุกข์

"บางครั้งเราเต็มใจเป็นสะพาน ให้ใครบางคนก้าวข้าม
แต่ห้วงยามแห่งการเสียสละ กับห้วงยามแห่งการพลัดพราก
ก็มักจะเกิดขึ้นพร้อมกัน
ทั้งนี้เพราะสะพานย่อมมิใช่ที่อยู่ถาวรของผู้ใด"
เสกสรร ประเสริฐกุล



นานมาแล้ว เคยได้อ่านหนังสือ “พานพบไม่ผูกพัน” ของ เสกสรร ประเสริฐกุล
และยังคงประทับใจกับสำนวนการเขียนของท่าน
หนึ่งในเรื่องต่าง ๆ นั้น คือเรื่อง “สะพาน”

วันนี้ได้ค้นดูภาพเก่า ๆ ที่ถ่ายเก็บไว้
เห็นรูปถ่ายสะพานข้ามแม่น้ำไทเบอร์ หน้าวาติกัน
เลยถือโอกาสหยิบยกคำพูดของอาจารย์เสกสรร ประเสริฐกุล
มาประกอบภาพอันเนื่องมาจากฝีมือสมัครเล่นของผม


“สะพานย่อมมิใช่ที่อยู่ถาวรของผู้ใด”
คำกล่าวนี้ มีบางสิ่งแอบแฝงอยู่ลึก ๆ เป็นนัย

ภาพสะพานที่ผมได้นำมาให้ชมกันนั้น มีสองสะพานด้วยกัน
สะพานอันที่หนึ่งเป็นสะพานข้ามไปหาปิอาสซ่าซานเปโตร
สะพานอันที่สองเป็นสะพานข้ามไปยังปราสาทเทวดา

สะพานอันที่สองนี้ มีรูปปั้นเทวดาถือสัญลักษณ์แห่งมหาทรมานของพระเยซูเจ้า
เช่น แส้สำหรับเฆี่ยนนักโทษ เสาเฆี่ยน กางเขน มงกุฎหนาม ผ้าตราสัง หอก ฯลฯ
แต่ผู้คนที่สัญจรไปมา...ไม่รู้ว่าจะเข้าใจความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ นี้มากน้อยแค่ไหน



พระเยซูเจ้า ทรงเป็นคนกลางระหว่างมนุษย์กับพระบิดา
อาศัยธรรมล้ำลึกแห่งปัสกา (การทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับพระชนมชีพ)
ช่วยให้เราได้รอดพ้น
พระมหาทรมานของพระองค์ จึงเป็นเหมือนสะพาน
พระองค์ต้องก้าวผ่านความตาย ไปสู่พระสิริรุ่งโรจน์
สะพานจึงมีไว้ก้าวผ่านไปสู่เป้าหมาย



“สะพานย่อมมิใช่ที่อยู่ถาวรของผู้ใด”
พระเยซูเจ้าก็ไม่ได้จมอยู่ในสะพานแห่งความทุกข์ทรมานแห่งความตาย
แต่พระองค์ทรงก้าวพ้น
และพระองค์ทรงเชื้อเชิญให้บรรดาศิษย์ของพระองค์ก้าวข้ามสะพานที่พระองค์ทรงผ่านมาแล้ว
สะพานของพระองค์แม้จะลำบาก แต่ทว่ามั่นคง และพาไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจน
สะพานของพระองค์ไม่สวยงาม แต่เมื่อผ่านมาได้จะพบสิ่งสวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ในโลกนี้


พระองค์ยอมเป็นสะพานให้เราก้าวข้าม
เพราะองค์รู้ว่า เมื่อได้ข้ามพ้นสะพานนั้นแล้ว...
รางวัลที่ยิ่งใหญ่...รอเราอยู่ที่นั่นเสมอ และนิจนิรันดร์




เนื้อหาและรูปภาพในบล็อกนี้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่ถ้าจะนำไปใช้ในการอื่น ขอให้แจ้งเจ้าของบล็อกนิดนึงนะครับ
สงวนลิกขสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ครับ...