ขึ้นต้นชื่อเรื่อง...ก็ดูเหมือนว่าผู้เขียนมีความอับอายที่อยากจะแบ่งปัน...
อันที่จริง ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนย่อมมีความลับที่ชวนให้อับอายกันทุกคน...
และความลับนั้น...มันจะข้องเกี่ยวกับความไม่ดีหรือความบาป...
ไม่ว่าจะเป็นบาปหนักหรือบาปเบา...
เราพอใจที่จะเปิดเผยมันในศีลอภัยบาปเท่านั้น...
การจะพูดถึงเรื่อง ความบาป ต้องแน่ใจว่ามีนิยามที่แน่ชัดอยู่แล้วในความคิด..
เพราะบาปเป็นเรื่องละเอียดอ่อน...
เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า มนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับพระศาสนจักร...
ดังนั้นผมจึงขอละที่จะพูดถึงรายละเอียดของเรื่องนี้...
ส่ิงที่ต้องการจะบอกคือ...เมื่อเรามีบาปสิ่งที่ตามมา ก็ควรจะเป็นความอับอาย...
ความสำนึกผิด..และการใช้โทษบาป..
ที่หอพักของผม มีรูปหล่อของพระเยซูเจ้าติดไว้บนทางขึ้นบันใด...
ผมต้องเดินผ่านทุกวัน...
รูปนี้...เป็นรูปพระเยซูเจ้าเปลือย เหมือนตอนที่พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขน...
แต่พระองค์ไม่ได้กางแขนออกไป...กลับเอามือมาปกปิดร่างกายไว้...
ดูเหมือนว่าพระองค์กำลังอับอาย....
แต่ผมเชื่อว่า ถ้าพระองค์อับอายจริง ๆ ...ต้นเหตุของความอับอายนั้นน่าจะมาจากความบาปของเรา...
เป็นเพราะเราเองมิใช่หรือ...ที่พระองค์ต้องถูกตรึงกางเขน
ผมอยากจะชวนให้คิดว่า...ทุกครั้งที่เราทำบาป..ทำสิ่งที่ไม่ดี...
ยังมีคนที่เสียใจและอับอายแทนเราอยู่....
ดังนั้น เราควรตระหนักไว้เสมอ...และพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันจะทำให้เราตกอยู่ในบาป...
ให้เราคิดว่าเมื่อเราทำบาป คนที่อับอายมากกว่าเรานั้น...
คือ ผู้ที่รักเรา....นั่นคือพระเยซูเ้จ้านั่นเอง...