Edit title Here

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
นักคิดร้อยคำ นักธรรมร้อยใจ
วันนี้มีอะไรใหม่ ๆ เสมอในชีวิต
อย่างน้อยก็มีความรักของพระเจ้า
เป็นความรัก...ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
และอยู่กับเราเสมอ...แม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจก็ตาม
Enter
BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อย่ากังวลใจเลย...

(หนึ่งในบทความในหนังสือ เริ่มต้นที่ดินดี)

หวังว่าพระวาจาของพระเ้จ้าในวันนี้
จะทำให้หลาย ๆ คน ได้ผ่อนคลาย
ในความดูแลเอาใจใส่ของพระองค์



ถ้าจะยึดตามคำกล่าวที่ว่า “ทุกปัญหามีทางแก้”
แสดงว่า ถ้าเรื่องเลวร้ายใด ๆ ในชีวิต ที่หาทางแก้ไขไม่ได้ “มันก็ไม่ใช่ปัญหา”
จึงไม่ต้องไปขบคิดหรือกังวลกับมัน ให้เสียเวลา จริงไหม!

แน่นอน ทุกคนย่อมมีปัญหา และปัญหาของแต่ละคนก็ต่างกันไป
การแก้ปัญหาของแต่ละคนก็ต่างกันเช่นกัน
บางคนก็หาทางแก้ไขได้ด้วยตนเอง เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
บางคนรับมือกับปัญหาคนเดียวไม่ไหว ต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อนพี่น้อง คนอื่นเป็นที่พึ่งแห่งตน
บางคนทนไม่ไหว หนีปัญหาหัวซุกหัวซุน หรือหนีหายไปจากโลกนี้ก็มี เพราะคิดว่า ไม่มีที่พึ่งใดที่จะช่วยตนได้
บางคนหาทางออกแบบขาดสติ ไม่คิดให้รอบคอบยิ่งทำให้เดือดร้อนกว่าเดิม
บางคนก็โวยวาย ว้าวุ่น ฟูมฟาย ยังกะค_ายจะออกลูก
สติสตางค์ต้องรู้จักควบคุมไว้ สิ่งที่ปัญหากลัวที่สุดคือ สติ นี่แหละ
หัดแขวน สติ ไว้ที่คอบ้างก็ดี จะได้ไม่เกิดปัญหาทำให้เสียใจภายหลัง

มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งอยากเล่าให้ฟัง
เผื่อว่าบางที คนมีปัญหาจะได้เข้าใจตนเองบ้าง
เรื่องมีอยู่ว่า...

ชายชราคนหนึ่ง เลี้ยงม้าตัวเมียไว้ ๑ ตัว
อาชีพของแก คือ นำม้าตัวเมียไปจ้างผสมพันธุ์ และเมื่อได้ลูกม้า แกก็จะนำลูกม้าไปขาย
อยู่ต่อมาวันหนึ่ง ม้าตัวเมียนั้นได้หายไปจากบ้าน เครื่องมือหากินไม่อยู่ซะแล้ว
ชาวบ้านผู้มีน้ำใจได้มาแสดงความเสียใจกับชายชรา เพราะแกเป็นคนดี เป็นที่รักของทุก ๆ คน
ชายชราได้แสดงความขอบคุณ ตอบกลับ ด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “มันอาจจะดีก็ได้”
ต่อมาอีก ๒-๓ วัน ม้าตัวเมียนั้นได้กลับมาพร้อมกับม้าตัวผู้ ๑ ตัว กำไรเห็น ๆ
ชาวบ้านรู้ข่าว ต่างก็แสดงความยินดีกับแกอีก เพราะต่อไปนี้ ชายชรานั่งจิบน้ำชาก็มีลูกม้าขาย ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างเขาผสมพันธุ์
ชายชราก็แสดงความความขอบคุณต่อเพื่อนบ้าน และตอบด้วยเสียงสุภาพว่า มันอาจจะร้ายก็ได้
และอีกไม่นานนัก ลูกชายคนเดียวของแกก็ได้กระโดดขึ้นไปขี่หลังม้าตัวผู้นั้น ม้าเกิดพยศ
ลูกชายของชายชราตกลงมาขาหัก ชาวบ้านก็สงสาร เพราะชายชรามีลูกชายเพียงคนเดียวและรักลูกมาก
หลายคนจึงมาแสดงความเสียใจ และปลอบโยนให้กำลังใจ
แต่ชายชรากลับตอบด้วยสีหน้าปกติ วาจาสุภาพเหมือนทุกครั้งว่า มันอาจจะดีก็ได้
บ้านของชายชราอยู่ชายแดน ซึ่งทางราชการมีกฎว่าชายหนุ่มทุกคนต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสู้รบป้องกันบ้านเมือง
แต่ด้วยเหตุที่ลูกชายของแกเกิดขาหักพิการเสียแล้ว จึงไม่สามารถไปเป็นทหารได้ จึงได้อยู่ดูแลชายชราต่อไป และยังมีโอกาสผสมพันธุ์ม้าหาเลี้ยงชีพอย่างมีความสุข...

เรื่องเล่าเรื่องนี้สอนเราว่า
ในชีวิตคนเรานั้น มีหลาย ๆ เรื่องผ่านเข้า
บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ร้าย
สิ่งดีอาจกลายเป็นสิ่งร้าย และสิ่งร้ายก็อาจกลายเป็นสิ่งดีได้
หากเราเจอปัญหาและคิดว่ามืดแปดด้าน
จงอย่าท้อถอยเพราะเหตุการณ์นั้นอาจมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นก็ได้
เหมือนที่คนเขาชอบพูดกันว่า “เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส”
ในขณะเดียวกัน ถ้าได้สิ่งใดสมปรารถนาก็อย่าดีใจจนประมาทเพราะสักวันมันอาจจะไม่ดีอย่างที่คิดไว้ก็ได้
แต่ผมคิดว่าเราน่าจะ “เปลี่ยนทุกวินาทีให้เป็นโอกาส” น่าจะเข้าท่าดี
เพราะมันเป็นวิธีปิดช่องทาง ไม่ให้วิกฤตเดินผ่านชีวิตเราได้

คำสอนของคริสต์ศาสนา บอกไว้ว่า
ไม่ว่าชีวิตเราจะมีปัญหาใด ๆ ก็ตาม ให้ไว้ใจในพระเจ้า
หรือว่าถ้าชีวิตมีความสุขก็ให้ขอบคุณพระเจ้า และมอบทุกสิ่งไว้กับพระองค์
            ให้รับรู้ไว้ว่า พระองค์ทรงดูแล และอยู่เคียงข้างเราเสมอ
            เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสไว้ว่า...

“นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ
แม้กระนั้นไม่มีนกสักตัวเดียวที่พระเจ้าทรงลืม 
ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว
อย่าเกรงกลัวเลย
ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก”[1]

อ่านพระวาจาตอนนี้แล้วรู้สึกเหมือนปลอดภัยยังไงไม่รู้ (ผมอาจจะรู้สึกคนเดียวก็ได้)
ในชีวิตเราเมื่อเจอปัญหา บางครั้งอาจมีความรู้สึกว่าตนเป็น ดอกหญ้าในป่าปูน เหมือน ต่าย อรทัย และรู้สึก กลัว เหมือน โดม ปกรณ์ ลัม (เชยไปนิด ก็ทน ๆ หน่อยละกัน)

พระเจ้าทรงดูแลทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา
ไม่เว้นแม้แต่พืชพรรณธัญญาหาร หรือสิงห์สาราสัตว์
ไม่ว่าจะเป็นนกกระจอก ดอกหญ้า อะมีบ้า แบคทีเรีย สัตว์เซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ พระองค์ไม่เคยทอดทิ้ง
แล้วมนุษย์เราซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพระองค์ พระองค์ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ อย่าทำให้โบว์แดงของพระองค์ กลายเป็น โบว์แดงแสลงใจ ละกัน (ขอเชยอีกรอบ)
พระองค์ดูแลเราแม้กระทั่งเส้นผม ดูแลดีกว่าสถานบันที่เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผมเสียอีก คิดดูแล้วกัน พระองค์ทรงดูแลถึงขนาดนับเส้นผมทุกเส้นเลยทีเดียว

ฉะนั้น ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาในรูปแบบไหน
อย่าคิดว่าเราอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครเหลียวแล
แต่จงคิดว่า อย่างน้อยเรามีพระองค์คอยดูแลเราเสมอ
และพระองค์คนเดียวที่ รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง (ขอเชยเป็นรอบสุดท้าย)
           
ความทุกข์ หรือความสุข ยังไงเราก็ต้องเจอ
ขึ้นอยู่กับว่า เราจะทักทายกับมันอย่างไร

ขอทิ้งท้ายด้วยคำพูดคม ๆ ของท่านนักบุญเปาโล ว่า

“ในเมื่อเรายอมรับความสุขว่าเป็นพระพรของพระเจ้า
เหตุไฉน เราจึงไม่ยอมรับความทุกข์ด้วยใจยินดี”

ขอพระอวยพร


[1] ลูกา ๑๒:๖-๗

-->
เนื้อหาและรูปภาพในบล็อกนี้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่ถ้าจะนำไปใช้ในการอื่น ขอให้แจ้งเจ้าของบล็อกนิดนึงนะครับ
สงวนลิกขสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ครับ...