ภาษาไทย ของเรา ช่างดีนัก
มีเรื่องหัก มีเรื่องเห มีเฉไฉ
มีคำผวน มีสองแง่ มีสามนัย
กลับหน้าไป กลับหลังมา ก็ฮา...ดี
ผมเริ่มต้นด้วยบทกลอนกระป๋องกระแป๋งบทนี้ของผม
เพราะว่าภาษาไทยเรามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
อย่างเช่นคำว่า “อยู่ทน” กับคำว่า “ทนอยู่” แค่สลับคำ ความหมายก็เปลี่ยนไปแล้ว
อีกวลีหนึ่ง คือ “คนหน้าหมา” กับ “หมาหน้าคน” ฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆ
ถ้าวันหนึ่งเราจูงหมาไปเดินเล่น แล้วมีคนพูดกับหมาของเราว่า “หมาน่ารักเหมือนเจ้าของเลย”
เอ๊ะ...มันชมว่าหมาน่ารัก หรือมันทักว่าตรูหน้าหมา...งงงงงง
ก็ยอม ๆ กันไปละกัน ถือว่าเราน่ารักพอ
เอาวิทยายุทธเรื่องการคิดบวกเข้าช่วยก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
แต่ถ้าคิดกระบวนท่าไม่ทัน คนที่ทักก็อาจซวยไป
คำพูดของคน มีอิทธิพลต่อจิตใจจริง ๆ
และยิ่งเป็นคำพูดที่ส่อเสียด เหยียดหยาม ยิ่งทำร้ายจิตใจกัน
ใครที่โดนกับตัวเองแล้ว เป็นต้องมีเลือดขึ้นหน้าทุกที
แต่ถ้าเป็นคำพูดที่หนุนนำกำลังใจ
ก็ใช้ได้ผลเหมือนกัน คำพูดบางคำ พูดไปแล้วก็อาจเปลี่ยนชีวิตคนได้
เพราะมีคนเคยเปลี่ยนมาแล้วจริง ๆ ผมจึงกล้ายืนยัน
บางครั้งคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค
สามารถเปลี่ยนชีวิตของคนเราบางคนให้เจริญก้าวหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะในยามที่ท้อแท้สิ้นหวัง….
เพราะในยามที่ท้อแท้สิ้นหวัง….
หาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้
ย่อมรู้สึกเป็นทุกข์ยิ่งนัก…
เปรียบเสมือนผู้พลัดหลงในทะเลทราย
พยายามแสวงหาน้ำดื่มเพื่อยังชีวิตให้รอดไม่ได้สักหยด
แต่แล้ว….
แต่แล้ว….
เหมือนฟ้ามาโปรด
เมื่อฝนอันชุ่มชื่นได้โปรยปรายลงมาช่วยชีวิตได้ทันเวลา
(คติชีวิต เล่ม 2. วศิน อินทสระ)
เห็นไหมครับ คำพูดดีดี มีค่าเหมือนน้ำฝนกลางทะเลทรายเลยนะ
แต่ไม่จำเป็นต้องพูดมาก จนน้ำลายกระเด็นเป็นสายฝนนะครับ
อันนั้นมันคนละเรื่อง
วันนี้ลงทุนนั่งวาดรูปนายชุมพาบาลฉบับการ์ตูนมาฝาก...
การพาแกะไปเดินเล่น...ดีกว่าพาหมาไปเดินนะ
เพราะถ้าเกิดมีคนทักว่าแกะหน้ารักเหมือนเรา ก็ยังพอทำเนา..
เพราะลูกแกะมันน่ารัก...
แต่ถ้าหากมีคนทัก..ว่าหน้าหัก..เหมือนมัน...
อันนี้ก็ ซอยบ่ใด๋เด้อครับ....ต้องไปวุฒิ-ศักดิ์ หรือประตูน้ำ โพ้นแล๋ว