Edit title Here

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
นักคิดร้อยคำ นักธรรมร้อยใจ
วันนี้มีอะไรใหม่ ๆ เสมอในชีวิต
อย่างน้อยก็มีความรักของพระเจ้า
เป็นความรัก...ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
และอยู่กับเราเสมอ...แม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจก็ตาม
Enter
BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

คิดว่าแน่...ฮึๆๆ

(Thank you ภาพจาก Dave wilcox : http://www.davewilcox.co.nz)

ชายคนหนึ่ง...เดินเข้าไปซื้อรองเท้าในร้านแห่งหนึ่ง
ร้านนี้มีประวัติไม่ค่อยดี เกี่ยวกับการบริการลูกค้า
บวกกับการได้ฟังคำเตือนจากเพื่อน ๆ ที่มีประสบการณ์
เพื่อนเล่าว่า
เค้ามักจะนำรองเท้าที่โชว์หน้าร้านมาให้ลูกค้า...ซึ่งค่อนข้างจะเก่ากว่าปกติ

ชายคนนี้เลือกซื้ออย่างระมัดระวัง..และหวังว่าจะไม่บ่อยโอกาสให้ทางร้านหลอกได้
เมื่อเขาเจอรองเท้าที่ถูกใจแล้ว...ลองใส่ดูแล้วทุกอย่างดูลงตัว
รองเท้าที่เขาลองใส่ เป็นรองเท้าโชว์ ซึ่งมีแค่ข้างเดียว..คือ ข้างขวา
ต่อมา เขาได้เรียกคนขายเพื่อขอดูรองเท้าในสต็อกที่เป็นรุ่นเดียวกับที่เขาลองแล้ว
คนขายคนนั้นหยิบรองเท้าในขั้นวาง แล้วเดินเข้าไปในห้องหลังร้านเพื่อหารองเท้ารุ่นนั้นมาให้

ชายผู้เป็นลูกค้า นั่งรอและคิดในใจว่า คนขายคงมัวค้นหารองเท้า้ข้างซ้าย
เพื่อนำมารวมกับข้างที่โชว์ไว้แน่นอน

คนขายเดินออกมา...แล้วยื่นกล่องรองเท้าให้เขา
พร้อมกับนำรองเท้าข้างหนึ่งไปวางไว้บนชั้นโชว์ รองเท้าข้างนั้นดูใหม่กว่าข้างเดิมที่เคยวางไว้

เมื่อเปิดออกดู..ก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้จริงๆ
ในกล่องมีรองเท้าข้างที่โชว์และอีกข้าง ซึ่งสีค่อนข้างต่างกันเล็กน้อย
เพราะข้างที่โชว์นั้นเปื้อน เหมือนกับผ่านการลองมาแล้วหลายครั้ง

ชายคนนั้น ชำเลืองดูคนขาย และทำเป็นสำรวจดูความเรียบร้อยของรองเท้า
และยังไม่ยอมไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์
เพื่อรอจังหวะให้คนขายเดินเข้าไปในสต๊อกอีกครั้ง
แล้วเขาจะแอบเปลี่ยนเอาข้างที่คนขายเพิ่งเอาไปวางไว้บนชั้นโชว์ กับรองเท้าสีหม่น ๆ ในกล่อง

แล้วเขาก็สมหวัง...เืมื่อคนขายเดินเข้าไปในห้องหลังร้าน
เขารีบจัดการเอารองเท้าข้างนั้นสลับกับรองเท้าอีกข้างที่วางโชว์ไว้อย่างรวดเร็ว
แล้วรีบไปชำระเงิน และรีบเิดินออกจากร้านอย่างรวดเร็ว...

ในที่สุดเขาก็ได้รองเท้าใหม่จากสต็อกทั้งสองข้าง...
"โถ่...นึกว่าจะหลอกกันได้เหรอ..คิดว่าแน่...ฮึๆๆๆ" เขาคิดในใจ
เขาไม่ต้องซื้อรองเท้าที่โชว์หน้าร้านจนดูเก่า..
ที่สำคัญเขาภูมิใจมากที่ไม่โดนคนขายหลอกให้ซื้อรองเท้าหน้าตู้โชว์
แล้วได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้เพื่อน ๆ อย่างสนุกสนานและสะใจ....

วันต่อมา...เขานำรองเท้าคู่นั้นออกมาใ่ส่
ใส่ไปเที่ยว ไปซื้อของ ไปเรียน....
แต่เขารู้สึกว่ารองเท้าคู่นั้น เมื่อใส่แล้ว ไม่ค่อยสบายเท้านัก
เขาคิดในใจว่า "อาจเป็นเพราะความใหม่ ยังไม่คุ้นกับเท้าดี"
เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์...เขาสังเกตว่า รองเท้าข้างหนึ่งเล็ก ข้างหนึ่งใหญ่

ในที่สุด...เขาก็พลิกดูเบอร์ของรองเท้า...
แจ๊กพ๊อตแตก...ข้างหนึ่งเป็นเบอร์ ๔๒.๕ ซึ่งเป็นเบอร์ที่เขาเลือกไว้
ส่วนอีกเบอร์ เป็นเบอร์ ๔๓ มันเป็นรองเท้าบนข้างใหม่บนชั้นวางที่เขาแอบสลับนั่นเอง


ที่นี้ก็งานเข้าเลย...ต้องคิดหาทางออกกันอย่างนัก..
ความผิดตกเป็นของชายคนนั้นเต็ม ๆ

.............

บางครั้ง คนเราก็มักมองและตัดสินบางอย่าง จากการได้ฟัง ได้เห็น
และสรุปเหมารวมไปเอง โดยไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน

หากชายคนนั้น ไม่ตั้งเงื่อนไขให้กับตัวเอง และไม่ตัดสินร้านขายรองเท้านั้นในแง่ร้าย
ยอมพูดกับคนขายดีดี เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น..
แล้วทีนี้จะโทษใครละ...
เรื่องนี้ส่งผลร้ายให้กับทั้งสองฝ่าย.....
ไม่มีฝ่ายไหนได้ประโยชน์เลย

ชายคนนั้นต้องพูดกับตัวเองแล้วละว่า...
"โธ่...นึกว่าจะแน่...ที่แท้ก็...เสียฟอร์มไปเลย"

อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง หรือแน่
เพราะว่ามีหลายคนที่ตกไม้ตายเพราะความอวดเก่งของตัวเองมานักต่อนักแล้ว

-->
เนื้อหาและรูปภาพในบล็อกนี้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่ถ้าจะนำไปใช้ในการอื่น ขอให้แจ้งเจ้าของบล็อกนิดนึงนะครับ
สงวนลิกขสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ครับ...