Edit title Here

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
นักคิดร้อยคำ นักธรรมร้อยใจ
วันนี้มีอะไรใหม่ ๆ เสมอในชีวิต
อย่างน้อยก็มีความรักของพระเจ้า
เป็นความรัก...ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
และอยู่กับเราเสมอ...แม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจก็ตาม
Enter
BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ราเวนนา เมืองแห่งศิลปะโมเสก

เริ่มต้นกันที่นี่
นี่เป็นวัดแรกที่เรามาเยือนเมืองราเวนนา
ราเวนนาเคยเป็นเมืองที่รุ่งเรือง
และเคยเป็นอดีตเมืองหลวงของอิตาลีฝ่ายเหนือ
คงไม่ต้องสงสัยเรื่องความเฟื่องฟู
เพราะร่องรอยแห่งอารยธรรมปรากฎเด่นชัด
ผ่านทางศิลปะโมเสกอันวิจิตรตระการตา
วัดแห่งนี้ชื่อว่า Basilica di Sant' Apollinare in Classe
มีศิละงดงามแต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพไว้
เพราะกฎที่วางเอาไว้ว่า ห้ามถ่ายภาพ
แต่ผมซื้อโปสการ์ดมาแล้วแต่ยังไม่ได้แสกน
เลยขอติดหนี้ไว้ก่อน
มันเป็นภาพโมเสส เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนายชุมพาครับ
สวยมาก ๆ
...................................................................



มาถึงวัดแห่งที่สอง ชื่อว่า Basilica di S. Maria in Porto
วัดนี้ไม่ได้เข้าไปดูเพราะไม่มีเวลา
เป็นวัดขนาดใหญ่มาก
หน้าวัดมีสวนดอกไม้และงานประิติมากรรม
เลยถ่ายรูปไว้ให้ดูเฉพาะ้ด้านนอก
จากข้อมูล ข้างในไม่มีศิลปะโมเสก
แต่ยังเป็นที่ที่ใช้ถวายมิสซาอยู่ในปัจจุุบัน
.........................................................................



มาถึงแห่งที่สาม
ที่นี่ขอบอกว่าสุดยอดครับ
ทำไมถึงกล้าบอกอย่างนั้น
ก็เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในสี่ที่ ที่ต้องจ่ายตังค์
เป็นค่าผ่านทาง
เราสามารถซื้อตั๋วได้ที่นี่
ตั๋วหนึ่งใบสามารถเข้าชมได้สี่ที่
ไม่รวม Museo
ดูภาพด้านล่างได้เลยครับ
ด้านนอกดูธรรมดามาก
แต่คนที่ยืนอยู่ไม่ธรรมดาครับ ฮ่า ๆๆๆ




นี่เป็นภาพแม่พระในแบบกรีก
ถ้าแม่พระอุ้มพระกุมารส่วนใหญ่เป็นแบบกรีกครับ
ภาพต่างๆ เป็นสัญลักษณ์
แม้แต่การยืนของบรรดาเทวดาและนักบุญ
การหันหน้า และสิ่งของที่ถือ
หรือแม้แต่บัลลังก์ครับ
เช่นภาพนี้ บัลลังก์แม่พระยื่นออกมา
แสดงว่า ที่ตรงนั้นมีไว้สำหรับเรา
เพื่อเราจะได้ไปเข้าเฝ้าแม่พระในสวรรค์ครับ




ภาพนี้คือภาพยอดฮิต
เรียกว่าภาพโหราจารย์ทั้งสาม




นี่คือภาพวาด ไม่ใช่โมเสก
อยู่บนเพดานวิหารครับ




ช่วงนี้มีส่วนหนึ่งของวิหารที่ปิดซ่อมบำรุง
ช่องหน้าต่างมีกระจกสีบานหนึ่งที่แตก
เผอิญวันนี้มีแดดส่องเ้ข้า
มันคือแสงแห่งความรอดครับ ฮ่าๆๆ
เห็นไหม ว่าเราก็สามารถสัมผัสกับความรอดพ้นได้ในโลกนี้
.................................................................




ภาพต่อมา (ด้านล่าง)
คือภาพที่ Piazza del Popolo
เป็นคนละที่กับที่กรุงโรมนะครับ
ที่นี่จะมีคนแต่งตัวเหมือนโรมันยุคก่อน
และทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเีที่ยว
ได้บรรยากาศมากครับ
..................................................................




มาถึงอีกที่หนึ่ง
ที่สุดยอดกว่า
นั่นคือ Basilica di San Vitale
ด้านหน้าทางเข้า
มีต้นอ้อล้อลมอยู่
เลยถือโอกาสทำท่าทางเหมือนปั่นจักรยานมาจากแดนไกล
ที่ไหนได้เดินจนขาลากกกกกกกกกกก


นี่เป็นประทางออกคับ คงเก่าน่าดู


ตัวอาคาร
ข้างในมีพิพิธภัณฑ์ด้วย แต่ไม่ได้เข้า
เพราะมันต้องซื้อตั๋วต่างหาก
และมีเวลาน้อย


ภาพภายในวิหารครับ โมเสกอีกแล้ว




นี่เป็นภาพที่อับราฮัมเลี้ยงอาหารชายแปลกหน้าสามคน
เป็นโมเสกบนฝาผนัง




นี่เป็นภาพพระเยซูเจ้านี่บนโลกสีน้ำเงิน
เป็นด้านหลังของพระแท่นและเป็นไฮไลท์ของที่นี่ครับ




นี่เป็นภาพกษัตริย์ Giustiniano
เป็นภาพที่เด่นอีกภาพหนึ่ง
ตรงข้ามภาพนี้เป็นภาพราชินี Teodara






พอเดินออกมาได้หลังของวิหาร
ในบริเวนเดียวกันนั้น
จะพบบ้านหลังเล็ก ๆ
ดูภายนอกก็เหมือนบ้านโทรมหลังหนัง
แต่ภายในครับ....ฮืม
เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง
บ้านหลังนี้ชื่อว่า Mausoleo detto di Galla Placidia
สร้างขึ้นราวปี 425
ข้างในมีศิลปะโมเสกอันทรงคุณค่า
เขาให้ถ่ายรูปได้แต่ห้ามใช้แฟลช
แต่ก็มีบางคนที่แอบใช้
มันไม่ค่อยดีครับ
เพราะแสงแฟลชจะทำให้เกิดการสึกหร่อได้
แล้วชนรุ่นหลังจะไม่มีสิ่งสวยงามเช่นนี้ให้ดูนะครับ




นี่เป็นภาพภายใน ซึ่งแสงน้อยมาก
ถ่ายยากเหมือนกัน
ข้างในจุคนได้ประมาณยี่สิบคน
แบบว่ายืนดูแบบเบียดกันนิดนึง
ไม่ต้องเดินไปไหนแค่หมุนรอบตัวก็พอ
....................................................................




ถัดมาครับ
เป็นสถานที่ที่สามในตั๋ว
ต้องไปให้ครบ และดูให้คุ้ม
ที่นี่เรียกว่า Battistero Neoniano
เป็นทีี่สำหรับการล้างบาป
ตรงกลางมีอ่างล้างบาปขนาดใหญ่

ภาพโมเสกบนเพดาน เป็นภาพพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างฯ
ที่แม่น้ำจอร์แดน
ล้อมรอบด้วยอัครสาวกทั้งสิบสอง
สวยงามลงตัวจริงๆ
ศิลปะที่นี่ ผมชอบที่ความลงตัวครับ
การแบ่งพื้นที่ต่าง ๆ ทำได้อย่างสมดุล
ซึ่งการทำได้อย่างนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
แค่เราแบ่งพื้่นที่บนกระดาษ
เรายังแบ่งไม่เท่ากันเลย
แต่นี่เขาออกแบบและทำกันบนเพดาน
หรือไม่ก็ทำกันทั้งอาคารเลย
สมัยก่อนใช่ว่าจะมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ดีเหมือนสมัยนี้
แต่เขาก็ลงรายละเอียดอย่างดี
ไม่เหมือนช่างสมัยนี้
สร้างอะไรแต่ละอย่างทำแบบชุ่ย ๆ
แม้จะมีเครื่องมือดีก็ตาม

..........................................




บนเส้นทางชีวิต
มีปัญหาและอุปสรรคมากมาย
บางที่ก็มีอันตรายขวางอยู่
เราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต
แต่หนทางหนึ่งซึ่งปลอดภัยและอบอุ่น
คืนทางม้าลาย ที่มุ่งตรงสู่ความศักดิ์สิทธิ์
พระเจ้ารอเราอยู่
เพียงเราตัดสินใจเดินในทางที่ถูกต้องเท่านั้น
เราก็ปลอดภัย
แล้วพบกันใหม่ครับ


-->
เนื้อหาและรูปภาพในบล็อกนี้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่ถ้าจะนำไปใช้ในการอื่น ขอให้แจ้งเจ้าของบล็อกนิดนึงนะครับ
สงวนลิกขสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ครับ...