อายุเราก็ไม่เท่าไรนะ...
แต่ทำไมสมองมันเริ่มทรยศแล้วละ
ใส่อะไรเข้าไป มันก็เด้งออกมาเหมือนลูกชิ้นซะงั้น
ทุกวันนี้จำอะไรไม่ค่อยจะได้...แต่ยังดีที่ยังจำชื่อตัวเองได้
บางคนเคยบอกผมว่า...ไอ้เรื่องสมองนะไม่เท่าไรหรอก...
แต่เรื่องหน้าตานี่สิมันทรยศมานานแล้ว....
จัดไป...ก็ต้องยอมรับกันไปตามสภาพ...
จะให้หน้ามันสดใสเหมือนสมัยเป็นผู้บ่าวสำน้อย(หนุ่มน้อย) อยู่ตลอดเวลาก็คงเป็นไปไม่ได้
บางคนไปหาหมอ..หมอให้ยาแก้ลืมมากิน..
แต่มันก็ไม่ดีขึ้น..ก็เพราะดันลืมกินยางัย...
อีกอย่างเรื่องจำชื่อคน...สำหรับผมมันยากพอ ๆ กับให้ผมจำสูตรคณิตศาสตร์เลยก็ว่าได้
อยู่เมืองไทยก็ยากแล้วนะ...
กว่าจะจำชื่อตา ๆ ยาย ๆ แถววัดได้..ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายวัน
แต่พอมาเจอชื่อคนอิตาเลียน ยิ่งไปกันใหญ่เลย
อเล็กซานโดร อันเดรอา อเลซซิโอ เฟรนานโ่ด โดเมนิโก มารีอากราเซีย มาร์ตินา......
และยังมีแปลก ๆ อีกเยอะเลย ไม่รู้จะใช้เวลานานเท่าไร ถึงจะคุ้นเคยกับชื่อพวกนี้
ย้อนไปเมื่อสมัยเป็นเณรใหญ่วัยละอ่อน...
มีคุณพ่อรุ่นพี่มาเทศน์เข้าเงียบ...
หลายองค์ได้พูดถึงเทคนิคการทำงานอภิบาล
หนึ่งในเทคนิคเหล่านั้น ก็คือ ต้องพยายามจำชื่อคนให้ได้...
เมื่อเจอหน้าใครก็ให้เอ่ยนามของเขา...แล้วจะทำให้เขารู้สึกเป็นกันเอง
อันนี้ผมขอยืนยันข้อเท็จจริงที่กล่าวมา
เมื่อสมัยผมเป็นเด็กวัดหรือสมัยเป็นเณรเล็กวัยกระเตอะ...
คุณพ่อเจ้าวัดหลายองค์ จำชื่อผมได้...
พอท่านเรียกชื่อผม...หัวใจมันครื้มขึ้นมาทันที...
"คุณพ่อรู้จักเราด้วยเหรอนี่???" ผมคิด
จากนั้นก็ช่วยงานวัดคุณพ่อแบบถวายหัวกันเลยทีเดียว...
ตัวอย่างสนับสนุนอาจจะเว่อร์ไปนิด แต่ก็จริงนะ
"การเอ่ยนาม" ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ...
เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อะไรสักอย่างระหว่างคนเรียกกับคนที่ถูกเรียก
เมื่อครั้งสมัยสร้างโลก อาดัมและเอวา ได้เรียกชื่อบรรดาสัตว์และบรรดาสิ่งสร้างของเพราะเจ้า
เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ...และต้องปกป้องดูแลตามพระดำรัสของพระเจ้า
พระเจ้าเองก็ยังตั้งชื่อให้ "อาดัม" และ "เอวา"
นั่นหมายถึง พระองค์ทรงเป็นเจ้าของชีวิตมนุษย์
ส่วนมนุษย์ก็เป็นเจ้าของสิ่งสร้างทั้งมวล สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตได้
บุคคลสำคัญในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม เมื่อได้รับบทบาทใหม่จากพระเจ้า...
เขาเหล่านั้นก็มักจะถูกเรียกขานในชื่อใหม่ ยกตัวอย่าง
จากชื่อ "อับราม" เปลี่ยนเป็น "อับราฮัม"
จาก "ซาราย" เปลี่ยนเป็น "ซาราห์"
และอื่น ๆ อีกมากมาย
ส่วนในพันธสัญญาใหม่ พระเยซูเจ้าก็เปลี่ยนชื่อให้บรรดาศิษย์ของพระองค์
เปลี่ยนกันเห็น ๆ เปลี่ยนกันซึ่ง ๆ หน้าเลย ยกตัวอย่าง
จากชื่อ "ซีโมน" เปลี่ยนเป็น "เปโตร"
จาก "เลวี" เปลี่ยนเป็น "มัทธิว"
นอกจากนั้นการเรียกชื่อใหม่ ยังหมายถึง ชีวิตใหม่ หรือ บทบาทหน้าที่ใหม่
เราคริสตชนทุกคน ถึงเีรียกชื่อใหม่กันทุกคน
คือ ชื่อตามศีลล้างบาป
นอกจากจะเป็นชื่อนักบุญองค์อุปถัมภ์แล้ว
ชื่อนั้นยังหมายถึง ชีวิตใหม่ในศีลล้างบาปด้วย...
ผมไม่ได้มีความตั้งใจว่าจะเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ใคร
เพราะผมไม่ได้มีอำนาจเหนือใคร...
เพียงแต่ัตั้งใจว่าจะพยายามเรียกชื่อลูกแกะทั้งหลายให้ถูกต้อง...
ตอนนี้ผมเริ่มจดชื่อของทุกคนที่ได้ทำความรู้จักไว้ในสมุด
นอกจากจดชื่อผมยังจดคุณลักษณะพิเศษของเขาไว้ได้ เพื่อช่วยในการเตือนความจำ
เช่น ยายมารีอา คนที่กวาดหน้าบ้านทางขึ้นวัด
ยายวีลม่า คนที่พาไปทานอาหารเย็น มีสามีชื่อกราสซีอาโน่
อะไรประมาณนี้
ผมตั้งใจว่า เมื่อเจอหน้าพวกเขา ผมจะพยายามทักทายให้ถูกต้อง...
ตามหน้าที่ของผู้เลี้ยงแกะที่ดี
สมัยคริสตกาล พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า...
"เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี
เรารู้จักแกะของเรา
และแกะของเราก็รู้จักเรา....(ยน ๑๐:๑๔)
นี่คือหนึ่งในลักษณะของผู้เลี้ยงแกะที่ดี
สงสัยได้เวลาที่ผมจะจัดพื้นที่ในสมองใหม่
เคียร์เรื่องต่าง ๆ ที่มันไร้สาระออกไป
เพื่อจะได้มีพื้นที่ว่างเยอะ ๆ เอาไว้จำชื่อลูกแกะ
แต่ถ้าสมองมันยังไม่รับอีก...
ก็คงต้องเปลี่ยนที่เก็บ
คือย้ายมาเก็บไว้ที่หัวใจจะดีกว่า...
จำไว้ในใจ...มิใช่ จำใจต้องจำ
ทีนี้คงไม่พลาดแน่ เพราะหัวใจสามารถเปิดกว้างได้เสมอ
หัวใจมนุษย์ไม่มีวันเต็ม...เว้นแต่ว่าเจ้าของหัวใจจะปิดประตูลงกลอนซะเอง
ขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับผู้คนมากขึ้น...
ได้เรียนรู้ในสิ่งที่แตกต่างจากที่ผมเป็น....เพื่อเสริมกำลังในหนทางที่ยังต้องเรียนรู้กันอีกยาวไกล...
...................................