ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ...ว่าชีวิตมันแอบซ่อนสิ่งมหัศจรรย์ไว้มากมาย...
ผมละคนหนึ่ง...ที่เชื่อว่าสิ่งมหัศจรรย์ของชีวิต..คือ "เรื่องธรรมดา"
ติช นัท ฮัน กล่าวไว้อย่างราบเรียบว่า
"มหัศจรรย์ของชีวิตก็คือการย่ำเท้าบนยอดหญ้าง่ายๆ เช่นนั้น"
วันนี้ผมมากับเรืองราวเล็ก ๆ
ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๐๑๐
ที่เมืองไทยของเราเป็นวันแม่แห่งชาติ
แต่ที่อิตาลี..เรามาดูดาวตกกัน
อันที่จริง ดาวตกนั้นมีเกือบทุกวันอยู่แล้ว...เพียงแต่ว่า "มันมีไม่มาก"
และน้อยคนที่จะเฝ้าดูมัน...
ช่วงวันที่ ๑๐ - ๑๒ สิงหาคม ของทุกปี..
จะมีดาวตกมากที่สุด...เพราะอะไรนั้นผมไม่ทราบ
มันเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์..ซึ่งผมเองก็ไม่เก่งซะด้วย
พอถึงวันนัดหมาย...คือวันที่ ๑๒ สิงหาคม...
ท้องฟ้าของวันนั้น มืดมิด..มัวหมอง...มองไม่เห็นสีฟ้าเลย...
พ่อเจ้าวัด คือ พ่อลูกา...
พ่อชอบหากิจกรรมต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ทำ..
เด็กคำสอนและเยาวชนที่นี่ก็ชอบร่วมกิจกรรมกับพ่อเจ้าวัด..
ฟ้ามืดอย่างนี้ เรายังจะไปอีกเหรอ...ผมคิดในใจ..
ไปแล้วจะเห็นอะไร...ดาวสักดวงยังไม่โผล่หน้ามาให้เ็ห็นเลย
แต่พ่อเจ้าวัดบอกกับเด็ก ๆ ว่า...
เราจะไปดูดาวกัน...ถ้าฟ้าไ่ม่เปิด..เราก็จะไปกินไอติมกัน...
เอ่อ..อันนี้เจ๋งสุด...น่าไป...
เป็นการปลอบใจเด็ก ๆ หรือป่าวก็ไ่ม่รู้...แต่ที่สุดเราก็ไปกัน..
เด็ก ๆ ขึ้นรถมินิบัสสองคัน
ส่วนผู้ปกครอง...ขับรถไปเอง..
แปลกนะ...รถผู้ปกครองก็ว่าง...
แต่พ่อเจ้าวัดไม่ให้เด็กนั่งไปกับผู้ปกครอง...
แต่ให้ไปด้วยกันเป็นหมู่คณะ...
พอไปถึง..ความหวังก็เริ่มหมด..
ผมก็อยากดูดาวตก..เพราะตั้งแต่เกิดมา...
ไม่เคยคิดว่าจะต้องหอบผ้าหอบผ่อนมาดูดาวตกอย่างนี้มาก่อน...
ผมเิริ่มภาวนาต่อพระเจ้าขอให้ฟ้าเปิด...อย่างน้อยก็ให้เห็นดาวตกบ้างไม่มากก็น้อย...
ผมภาวนาต่อท่านบุญราศีโดเมนิโกด้วย...
สักพัก...มันเหลือเชื่อจริง ๆ
ฟ้าเริ่มเปิด เมฆเริ่มไหลกระจายออกไป...
มันเปิดเฉพาะที่ที่เราอยู่...
อันนี้ผมเรียกของผมเองว่า.."อัศจรรย์"...
มันตื้นตันอยู่ในหัวใจผมอยู่หลายนาทีเหมือนกัน...
จริง ๆ ผมไม่ได้คิดว่า พระจะฟ้งคำภาวนาของผม...นะ...
ผมอยากเปิดเผยส่วนหนึ่งของคำภาวนา...
หลังจากที่ผมสวดขอเสร็จ...
ผมพูดกับพระว่า...
"พระองค์บอกว่า ถ้าใครมีความเชื่อเพียงเล็กน้อย
ก็สามารถเคลื่อนภูเขาได้...
แต่ลูกนี้มีความเชื่อน้อยมาก...ไม่รู้จะเคลื่อนเมฆออกได้หรือป่าว
แต่ขอให็เห็นแต่ความน่ารักและความซื่อของเด็ก ๆ เหล่านี้ด้วย...
พวกลูกอยากดูดาวตกจริง ๆ ให้ท้องฟ้าเปิดออกบ้าง
อย่างนี้ก็ตรงที่ที่เราอยู่ก็ยังดี...ลูกขอขอบพระคุณพระองค์"....
นี่แหละครับ...มันทำให้ผมสะอึก...ว่า
พระองค์ทรงฟังคำภาวนาของเราทุกคน
ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม....
ที่เล็ก ๆ แห่งนี้..ยังมีศูนย์วิจัย และหอดูดาว...
แถมมีเ้จ้าหน้าที่ประจำอีกสามสี่คน...
ช่างดีเหลือเกิน...
เจ้าหน้าที่เริ่มอธิบายและให้ความรู้แก่เด็ก ๆ
เด็ก ๆ ตั้งใจฟ้งกันมาก ๆ...
สักพักพวกเราเริ่มเห็นดาวตก..ทีละดวง สองดวง...
ผมเองได้เห็นจะจะ ก็วันนี้แหละ..
บางดวงมีแสงว๊าบบบบบบบ เป็นทางยาว...สวยงามมาก...
เสียงเฮดังลั่นทุกครั้งที่มีดาวหล่นจากฟ้า..
สร้างบรรยากาศได้ีดีทีเดียว...
ที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่่งคือ...
บรรดาเด็ก ๆ และผู้ปกครอง
ต่างเตรียมสื่อ ผ้าห่อ ไปปูนอนเรียงราย...เป็นครอบครัว
น่ารักมาก ๆ....
ขณะที่เรานอนดูดาวตกอยู่...ซึ่งก็มีไม่มากนัก ตกแบบไม่ค่อยต่อเื่นื่องสักเท่าไหร่
เจ้าหน้าที่ จะมีไฟฉายเฉพาะิกิจ...
ซึ่งเอาไว้ชี้ตำแหน่งดาวบนท้องฟ้า...
และอธิบายเรื่องราวของดาวกลุ่มต่าง ๆ....
ฟังแล้วเพลินดี....
มันเหมือนอยู่ในท้องฟ้าจำลอง
แต่มันไม่ใช่..นี่มันท้องฟ้าจริง ๆ
ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่...
เจ้าหน้าที่ชี้ไป ชี้มา...สนุกมากเลย
ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเรียนรู้เรื่องดาวภาคสนามแบบนี้...
ประทับใจมาก ๆ
สักพักผมเริ่มติดใจกับการดูดาวตกแล้วละ...
กะว่าทุกปีจะพยายามเฝ้ารอดู..แม้ว่าจะดูคนเดียวก็ตาม...
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดไว้...
ถ้าปีไหนผมดูดาวตกคนเดียว ณ ที่แห่งหนึ่ง...
ผมก็จะคิดถึง อีกหลาย ๆ ที่ ยังมีคนเฝ้าดูดาวตกเหมือนผม
ดังนั้น แสดงว่า ผมก็ไม่ได้ดูดาวตกเพียงลำพัง..
แต่มีเพื่่อนทั่วทั้งโลก...ที่ันั่งดูดาวดวงเดียวกันอยู่
มันเหมือนตอนที่เราภาวนานะ...
เวลาที่เราทำมิสซาส่วนตัว...
หรือทำวัตรส่วนตัว...
เราทำคนเดียว ณ ที่ที่หนึ่งก็จริง...
แต่ถ้าคิดอีกที...ยังมีคนอีกมากมายที่ทำให้ทุกช่วงเวลาในโลกนี้ศักดิ์สิทธิ์
เวลาในโลกนี้ แม้จะสับสนวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา...
มีสิ่งร้าย ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกมุมโลก...
แต่...ทว่า..โลกนี้...ยังถูกค้ำจุนด้วยคำภาวนาเสมอ และต่อเนื่อง....
ไม่มีวินาทีใดที่โลกหยุดการภาวนา...
และไม่มีวินาทีใดที่พระองค์จะไม่รับฟังคำภาวนาของเรา...
ดังนั้น..จึงอยากให้เรามีกำลังใจการบากบั่นภาวนา...
ต้องใช้คำว่า "บากบั่นกันเลยทีเดียว"...
เพราะว่าบางคนต้องอาศัยพลังจริง ๆ จึงจะสามารถเริ่มต้นภาวนาได้
ขอให้ทุกคนเป็นหนึ่งในพลังค้ำจุนโลก..ด้วยการภาวนา
เหมือนสารแห่งแม่พระฟาติมา ที่ขอร้องให้เราช่วยกันภาวนาให้โลก...
แม้ว่า..วันที่ไม่มีดาวตก...เราจะยังภาวนา
เพราะทุกวันเรามีพระอาทิตย์...ส่องให้โลกได้เห็นแสงสว่าง...
เรามีอัศจรรย์ในวันธรรมดา...
และแม้ว่า..วันที่ไม่มีดาวตก...เราก็ยังจะกินไอติมเหมือนเดิม...
นั่นแหละครับ..มันก็เหมือน ๆ กัน
คาลิล ยิบราน นักปราชญ์ชื่อดัง
เขียนว่า “จงอย่าลืมว่าโลกปีติยามสัมผัสฝ่าเท้าเปล่าของเจ้า...
และสายลมปรารถนาจะเล่นกับเส้นผมของเจ้า”
ผมลืมเรื่องไอติมไปเลย...
เพราะมัวแต่ดูดาวตก...
แต่ในที่สุดเราก็ไปกินไอ้ติมกัน..
ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็น..
และตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว...
เด็กแต่ละคนดูมีความสุข..
บางคนมีความสุขกับการดูดาวตก
บางคนนับได้หลายดวง
บางคนก็มีความสุขกับการได้กินไอ้ติม...
มันคือ คืนอัศจรรย์แ่ห่งดาวจริง ๆ .....
ขอบคุณพระองค์ที่ให้ลูกได้มาอยู่ที่นี่...
เป็นที่แห่งใหม่...แต่เป็นดาวดวงเดียวกับที่ผมมองเห็นที่เมืองไทย...
มันช่างมหัศจรรย์จริง ๆ