Edit title Here

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
นักคิดร้อยคำ นักธรรมร้อยใจ
วันนี้มีอะไรใหม่ ๆ เสมอในชีวิต
อย่างน้อยก็มีความรักของพระเจ้า
เป็นความรัก...ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
และอยู่กับเราเสมอ...แม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจก็ตาม
Enter
BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พระราชวังคาเซอร์ตา (Reggia di Caserta)


เมื่อมีโอกาสมาเยือนที่นี่ ซึ่งที่พักไม่ไกลจากพระราชวังคาเซอร์ตามากนัก
พระราชาวังนี้ตั้งอยู่ระหว่างนาโปลี กับ กรุงโรม...
เราลองมาดูประวัติและความสำคัญกันดีกว่า



นี่คือข้อมูลจากวิกิพีเดีย
พระราชวังคาเซอร์ตา (อิตาลีReggia di CasertaอังกฤษRoyal Palace of Caserta) เป็นอดีตพระราชวังที่ประทับของพระมหากษัตริย์แห่งเนเปิลส์แห่งราชวงศ์บูร์บอง ที่ตั้งอยู่ที่เมืองคาเซอร์ตาในประเทศอิตาลี พระราชวังคาเซอร์ตาเป็นหนึ่งในพระราชวังแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นในยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 18
“พระราชวังคาเซอร์ตา” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ในฐานะที่ "งานชิ้นเลิศของยุคบาโรก ที่ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในการสร้างความลวงตาและพหุทัศน์ทางสถาปัตยกรรม"
การก่อสร้างพระราชวังคาเซอร์ตาเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1752 สำหรับพระเจ้าคาร์ลที่ 7 แห่งเนเปิลส์ ผู้ทรงทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาปนิกลุยจิ วานวิเทลลิ เมื่อทอดพระเนตรเห็นแบบจำลองสำหรับพระราชวังพระเจ้าคาร์ลก็ทรงเต็มตื้นไปด้วยพระอารมณ์ "ที่ฉีกพระหทัยจากพระอุระ" แต่พระองค์ก็มิได้มีโอกาสที่จะได้บรรทมในพระราชวังแม้แต่เพียงคืนเดียว พระเจ้าคาร์ลทรงสละราชสมบัติในปี ค.ศ. 1759 เพื่อไปเป็นพระมหากษัตริย์สเปน โครงการดำเนินต่อมาโดยพระราชโอรสองค์ที่สามและผู้ครองเนเปิลส์ต่อมาพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 4 แห่งเนเปิลส์


วันนี้อากาศร้อนมาก ๆ 
คุณพ่อสุรศักดิ์ ให้เจนนาโร่ขับรถมาส่งพวกเรา
จาก Castellammare ถึง Caserta ใช้เวลาประมาณ สามสิบถึงสี่สิบนาที
พอมาถึงเราก็เริ่มลงมือถ่ายภาพกัน..เพราะตอนนี้สายมากแล้วแดดจัดมาก
ที่นี่มีให้เลือกชมอยู่สองที่ใหญ่ ๆ 
หนึ่ง คือ สวนหย่อม และสวนอังกฤษ เสียค่าผ่านประตู ราคา ๓ ยูโร
สอง คือ ภายในพระราชวัง ค่าผ่านประตู ราคา ๗ ยูโร
ถ้าเหมาหมดเลย จ่าเพียง ๙ ยูโร...
เราเข้าชมทั้งสองสถานที่

อันดับแรกเราเข้าชมสวนก่อน เพราะยังเช้าอยู่คงจะพอสู้กับความร้อนได้...
สวนที่นี่มีลักษณะยาว....เป็นกิโลเมตรได้
มีน้ำพุเป็นชั้น ๆ ขึ้นไป ยิ่งเดินขึ้นสูงเท่าไหร่ น้ำพุก็ยิ่งสวยมากขึ้น....
พอเดินไปจนสุด จะมีน้ำตกสวยมาก และมีสวนอังกฤษอยู่ที่นั่นด้วย

ลักษณะของสวนยาวจริง ๆ เดินกันจนขาลาก..ร้อนก็ร้อน



มีรูปปั้นอยู่รายทางเอาไว้ให้ชมแ้ก้ร้อน...












น้ำเป็นสีเขียวเพราะแดดมันแรง..ทำให้เป็นตระไคร้น้ำ




เิริ่มเห็นน้ำพุกันแล้ว
















เดินธรรมดาบนที่ราบก็เหนื่อยมากพอแล้ว แต่นี่ต้องเดินขึ้นเขาอีก...




นี่เป็นน้ำพุชั้นสุดท้าย ก่อนถึงน้ำตก
สวยมาก ๆ และยิ่งถ่ายย้อนลงไปถึงพระราชวัง..ยิ่งสวย 
















พอมาถึงไฮไลท์...น้ำตกที่ดูเหมือนว่าจะสร้างขึ้นจากมือมนุษย์
แต่ก็พอทำให้หายเหนื่อยได้ดีเหมือนกัน


















ที่นี่มีรถม้าคอยบริการด้วย แต่ไม่กล้าถามราคา 
เพราะกะจะไม่ใช้บริการอยู่แล้ว







ถ้านำจักรยานมาจากบ้านเอง...ก็จ่ายค่าผ่านประตูเพิ่มอีก ๑ ยูโร
แต่ถ้าเข้ามาเช่าข้างในคิดเป็นชั่วโมงละ ๓ ยูโร
รู้งี้แบกจักรยานที่พระคุณเจ้าให้เป็นของขวัญวันบวชมาด้วยก็สิ้นเรื่อง




และมีบริการรถขนส่งด้วย...ต้องจ่ายตังค์อีกเหมือนเคย อะไร ๆ ก็ต้องจ่ายทั้งนั้น
แต่พวกเราไม่ขึ้นเพราะประหยัด
แต่พอเดินเที่ยวเสร็จแล้ว
ก็บอกกับตัวเอง "ทำไมตรูไม่ขึ้นรถว่ะ"...
สบายกว่าเยอะเลย


ร้อนจริง ๆ ดูเพื่อนร่วมทางของผมสิ
เอาย่ามจากเชียงใหม่..มาคลุมหัวไว้...
ย่ามที่พกมามันมีประโยชน์อย่างนี้นี่เอง


-->
เนื้อหาและรูปภาพในบล็อกนี้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ..แต่ถ้าจะนำไปใช้ในการอื่น ขอให้แจ้งเจ้าของบล็อกนิดนึงนะครับ
สงวนลิกขสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ครับ...